-
Klipsch Speaker 3.0
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Laptop Acer ES1
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Laptop Asus E502SA
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Laptop HP Pavianion
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Lenovo IdeaPad 100
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Lenovo Phab PB1
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Lenovo TB3-850M
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Main Gigabyte H81M
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Memory Stick
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
MTB Acer B1
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Oled Smart Tivi 50” 4K
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Oppo F3 Black
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Oppo F3 Plus
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Oppo seri R7
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
RAM Kingston 16Gb
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Samsung Full HD
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Samsung Full HD
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Samsung Full HD 1080
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
SamSung Galaxy S8
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Sennheiser Urbanite XL
Record smoother, clearer videos even when you're on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Smart Tivi LG
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Smart Tivi Oled
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Smart Tivi Toshiba
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Smart Watch
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Sonny XA F123
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Sony SmartWatch 2
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Sony Vaio 16″
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Sony XA – F3116
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Sony Xpria XA
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
SSD Samsung 850 Evo
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
Wireless Bluetooth Audio
Record smoother, clearer videos even when you’re on the move. Steady Record 2.0 analyzes each frame to provide smoother playback of your video recordings.
-
ของมงคลที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เคยใช้และเคยฉัน
ของมงคลเหล่านี้มองเหมือนไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างที่สุด คนที่รักและเคารพพระเดชพระคุณหลวงพ่อจะทราบดี ได้จากลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ถวายการรับใช้หลวงพ่อท่านนึง ซึ่งท่านจะเก็บทุกๆอย่างที่หลวงพ่อท่านเคยใช้เคยฉัน ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งมงคลทั้งสิ้น มีทั้ง เข็มฉีดยา สายน้ำเกลือ (มีเลือดหลวงพ่อในสาย) คัดเติ้ลบัด ไม้จิ้มฟัน ใบมีดโกน ปลายก้านพลู ยานัตถุ และเศษครึ่งยาพาราแก้ปวด
ของมงคลทุกสิ่งทุกอย่างนี้…เห็นแล้วทำให้ระลึกนึกถึงหลวงพ่อ กราบขอบพระคุณ คุณพี่ท่านผู้ใจดีที่แบ่งมาให้บูชาเพื่อเป็นอนุสสติ _/|\_
-
คฑาเสก “ไม้ครู” (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
“คฑาเสก” หรืออาจจะเรียกกันว่า “ไม้ครู” ด้ามนี้เป็นด้ามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยใช้เคาะกระหม่อมลูกศิษย์ลูกหาญาติโยมที่ไปกราบท่าน ตัวด้ามทำด้วยเหล็กทั้งอัน กลึงเป็นหัวขุนด้ามคฑาสวยงาม เป็นด้ามแรกและมีเพียงด้ามเดียว ภายหลังหลวงพ่อไม่ได้ใช้ เพราะบางครั้งเผลอๆตอนที่หลวงพ่อเคาะกระหม่อมลูกหลาน บางทีจะเคาะแรงไปทำให้ลูกหลานเจ็บได้ หลวงพ่อจึงได้ทำเป็นด้ามไม้ในภายหลัง และด้ามนี้ได้มอบให้ศิษย์ใกล้ชิดที่ถวายการรับใช้หลวงพ่อ
คฑาเสก เล่มนี้ได้เข้าพิธีพุทธาภิเศกเมื่อพิธี เสาร์๕ ตรงกับวันที่ 3 มีนาคม 2530 ที่ตัวด้ามมีสลักไว้ชัดเจน ส่วนอีกฝั่งสลักเป็นอักษระยันต์ยาวตลอดด้าม ถือเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดสมบัติพ่อให้ที่หลวงพ่อท่านได้สร้างไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน
กราบขอบพระคุณ คุณพี่ท่านผู้ใจดีที่แบ่งมาให้บูชาเพื่อเก็บรักษาไว้เป็นมรดกให้สงเคราะห์ลูกหลานในภายภาคหน้าต่อไป _/|\_
*************************************************************************************
วิธีการใช้คฑาไม้ครู
ใช้ด้านหัวของคฑาไม้ครู (แตะศรีษะ)
-ใช้ฝึกกรรมฐาน : นะโมพุทธายะ
-ใช้ตัดเคราะห์ : ภะสัมสัมวิสะเทภะ
-ใช้เพื่อให้ความสำเร็จ : สัมปะติจฉามิด้านปลายของคฑาไม้ครู (แตะศรีษะ)
-ใช้ให้ลาภ : มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม -
๗. ศึกษา - แบ่งปัน เปรียบเทียบ เปรียบเทียบ-โชว์
คำถาม? สมเด็จองค์ปฐม ยันกลับ – สมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 ทันหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ปลุกเสกไหม???
เป็นคำถามที่มักจะมีคนถามกันมาบ่อยๆ ถามกันมาตลอด ลองวางใจเป็นกลาง แล้วอ่านข้อมูลนี้ดู ผมพยายามรวบรวมข้อมูลและประติดประต่อ และเรียบเรียงเรื่องราวไว้ ลองอ่านดูแล้วท่านน่าจะได้รับคำตอบ ด้วยตัวท่านเอง
พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้รับมอบพระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 (จำนวนราวๆ 30,000องค์) จากทางโรงงาน และสมเด็จองค์ปฐม รุ่นยันกลับ (ที่คุณวิมาลีสร้างถวาย) ท่านเป็นคนรับพระและจ่ายเงินให้กับช่างด้วยตัวท่านเอง ท่านสั่งให้หลวงพี่วิรัชนำไปเก็บไว้และให้จัดเตรียมทำพิธีพุทธาภิเษกในคืนนั้น เพราะหลวงพ่อเล่าให้หลวงพี่วิรัชฟังว่า “สมเด็จองค์ปฐม ท่านได้เสกให้ตั้งแต่หล่อเสร็จใหม่ๆเลย ตอนโรงงานเอาพระมาส่ง สมเด็จองค์ปฐม ท่านก็มารอปลุกเสกแล้ว”
หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนั้นที่ตึกรับแขก เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2535 เวลาประมาณ 23.00 น. แต่ไม่ได้จัดพิธีอย่างเป็นทางการ เป็นการจัดพิธีเพื่อพุทธาภิเษกพระบูชาเป็นหลัก หลวงพ่อจึงสั่งให้เอาพระสมเด็จองค์ปฐมเข้าพิธีพุทธาภิเษกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์๕ วันที่ 27 มีนาคม 2536 แต่หลวงพ่อได้ละสังขารไปก่อน
ในวันรุ่งขึ้น ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม 2535 หลวงพ่อได้ปรารภถึงพิธีพุทธาภิเษกพระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 เมื่อคืนไว้ดังนี้
“เมื่อคืนปลุกเสกพระ หมาไม่หอน งวดนี้ไม่ให้หมาเห็นเพราะ 2งวดก่อนมาให้หมาเห็น เห่ากันเจี๊ยวจ๊าว รุ่นนี้แอบไม่ให้หมาเห็น เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ (ใครทำไม่ดียันกลับหมด)”
*********************************************************************************************************
คำถามที่เป็นข้อสงสัยและประเด็นในหลายๆเรื่อง…
1) พิธีพุทธาภิเษกพระบูชา กับ พิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง แตกต่างกันไหม?
ตอบ…ในรายละเอียดเรื่องพิธีกรรม ต้องบอกว่าแตกต่างกัน การจัดพิธีพุทธาภิเษกพระบูชา อาจไม่ต้องใช้บายศรีและเครื่องสังเวยอะไรมากนัก แต่สำหรับพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องนั้น ต้องมีพร้อมทั้งบายศรี หมูเห็ดเป็ดไก่ เครื่องสังเวยครบถ้วน ตามตำราของครูบาอาจารย์ เพื่อให้การพุทธาภิเษกนั้นสมบูรณ์ ครบถ้วน 100%
2) หลวงพ่อรับรู้หรือไม่ ว่าในพิธีพุทธาภิเษกพระบูชานี้ได้มีการนำเอาสมเด็จองค์ปฐม รุ่นยันกลับ กับ สมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 เข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ด้วย?
ตอบ…หลวงพ่อรับทราบดี เพราะเป็นผู้สั่งให้หลวงพี่วิรัชเป็นคนจัดเตรียมทำพิธีพุทธาภิเษกในคืนวันที่ 9 ตุลาคม 2535 และในวันรุ่งขึ้น ตอนที่หลวงพ่อลงรับแขก ท่านได้กล่าวถึงพิธีพุทธาภิเษกเมื่อคืนว่า
“เมื่อคืนปลุกเสกพระ หมาไม่หอน งวดนี้ไม่ให้หมาเห็น เพราะ 2งวดก่อนมาให้หมาเห็นเห่ากันเจี๊ยวจ๊าว รุ่นนี้แอบไม่ให้หมาเห็น เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ (ใครทำไม่ดียันกลับหมด)”
3) ทำไมหลวงพ่อถึงเลือกที่จะนำพระสมเด็จองค์ปฐม รุ่นยันกลับ และสมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 เข้าพิธีพุทธาภิเษกในคืนวันที่ 9 ตุลาคม 2535 ทั้งๆที่ท่านก็รู้ว่าบายศรีและเครื่องสังเวยต่างๆไม่พร้อมที่จะทำพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง ทำไมไม่เลือกทำวันอื่น?
ตอบ…ผมว่าคงไม่มีใครที่จะรู้ดีไปกว่าตัวหลวงพ่อท่านเอง ว่าทำพิธีไปแล้วจะได้ผลมากน้อยขนาดไหน แม้นจะไม่มีผลสมบูรณ์ 100% แต่ก็ยังมีผลอยู่ ท่านก็เลือกที่จะทำในคืนนั้น จะด้วยเหตุที่หลวงพ่อท่านบอกว่ากับหลวงพี่วิรัชก่อนหรือเปล่าว่า “สมเด็จองค์ปฐม ท่านได้เสกให้ตั้งแต่หล่อเสร็จใหม่ๆเลย ตอนโรงงานเอาพระมาส่ง สมเด็จองค์ปฐม ท่านก็มารอปลุกเสกแล้ว” ท่านจึงจัดพิธีตามสมเด็จองค์ปฐม ท่านบอก เพราะท่านมารอทำพิธีให้อยู่แล้ว แต่ท่านก็ย้ำว่าต้องนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งเพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์ 100%
4) ทำไมถึงต้องนำพระสมเด็จองค์ปฐมที่พุทธาภิเษกไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2535 สมัยที่หลวงพ่อท่านยังไม่ละสังขาร นำกลับเข้ามาพุทธาภิเษกอีกครั้งในวันเสาร์๕ ที่ 27 มีนาคม 2536 ซึ่งหลวงพ่อได้มรณะภาพแล้ว?
ตอบ…หลวงพ่อท่านทราบดีว่าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนั้นไม่สมบูรณ์ 100% เพราะเครื่องบวงสรวงไม่ครบตามตำรา ผลที่ได้จึงไม่ครบ 100% (แต่ผลจะได้กี่ % คงไม่มีใครทราบแน่ มีแต่หลวงพ่อเท่านั้นที่รู้ ซึ่งอาจจะ 80% 90% หรือ 99.99% แต่ที่แน่ๆคือไม่เต็ม 100%) ท่านถึงสั่งให้นำพระไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันเสาร์ ๕ ที่ ที่ 27 มีนาคม 2536 ซึ่งทางวัดก็ได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกตามที่หลวงพ่อได้สั่งไว้
5) ลูกศิษย์เห็นทางโรงงานมาส่งพระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 หลังหลวงพ่อมรณะภาพแล้ว และนำพระเข้าพิธีพุทธาภิเษก ในวันเสาร์ ๕ ที่ ที่ 27 มีนาคม 2536 พระชุดนี้เป็นพระชุดใหม่ใช่หรือไม่?
ตอบ…พระสมเด็จองค์ปฐม ชุดนี้ก็เป็นชุดเดียวกับที่หลวงพ่อพุทธาภิเษกไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2535 แต่พระที่ทางโรงงานส่งมาให้ ชุบทองมาไม่ดี หลวงพ่อจึงสั่งให้ส่งกลับให้โรงงานไปชุบมาใหม่ แต่พระทั้งหมดได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกที่รับแขกแล้ว พอทางโรงงานได้ส่งพระกลับคืนมา แต่หลังจากที่หลวงพ่อมรณะภาพแล้ว และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ในวันเสาร์ ๕ ที่ ที่ 27 มีนาคม 2536 ก็เลยเข้าใจกันว่า พระรุ่นนี้ไม่ทันหลวงพ่อปลุกเสก
6) ทำไมสมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 ถึงมีฝากริ่งที่เป็นแบบผิวทองแดง และผิวแบบชุบทอง?
ตอบ…พระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 บางองค์ชุบทองมาดีแล้ว สภาพสวยสมบูรณ์ดีแล้ว ทางวัดก็จะคัดเลือกเก็บเอาไว้ จะส่งกลับคืนเฉพาะในส่วนที่ชุบมาไม่ดี พอนำพระไปชุบใหม่อีกครั้ง ก็ชุบไปทั้งฝากริ่ง ก็เลยทำให้ฝากริ่งมีสีทองเหมือนองค์พระไปด้วย แต่ถ้าใครสังเกตพระรุ่นนี้ให้ดี ผิวพระเดิมๆที่ไม่ได้นำกลับไปชุบใหม่ ผิวองค์ท่านจะออกสีทองแบบด้านๆหน่อย ส่วนผิวองค์ที่นำไปชุบใหม่ ผิวจะออกไปในลักษณะมันวาวมากกว่า
จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมา พอจะสรุปได้ว่า…
ท่านลองคิดดูว่า หลวงพ่อท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ปรารถนา “พุทธภูมิ” ประเภทวิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมี 16อสงไขยกำไรแสนกัป แต่หลวงพ่อท่านลาพุทธภูมิเสียก่อน…บารมีหลวงพ่อมากมายขนาดไหน ท่านจะไม่ทราบเลยเหรอว่า พระสมเด็จองค์ปฐม รุ่นยันกลับ และพระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น3 ที่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2535 ในครั้งนั้น จะมีผลหรือไม่? และถึงแม้นจะมีผลไม่สมบูรณ์ 100% แต่ท่านก็ยังสั่งให้ทำ (แต่ต้องบอกย้ำว่า อย่างไรก็มีผล แต่จะเท่าไร ไม่มีใครทราบแน่) ถ้าไม่มีผลอะไรเลย..แล้วหลวงพ่อท่านจะมากล่าวเรื่องพุทธาภิเษกทำไม่ในวันรุ่งขึ้น และถ้าไม่มีผลอะไรเลย…ท่านจะให้แจกพระสมเด็จองค์ปฐม ชุดทองคำ (ทองคำ เงิน นวะ) แก่พระที่อาวุโสและบวชอยู่ในวัดท่าซุงที่ได้จองกันไว้ได้เหรอ? หลวงพ่อท่านเป็นคนละเอียด ถ้าทำแล้วไม่มีประโยชน์อะไร ท่านจะทำไปทำไม แม้นผลจะไม่ได้ครบ 100% แต่ก็มีผล ท่านถึงได้สั่งให้นำเข้าพิธีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์ 100%
ข้อมูลทั้งหมดคงจะไขข้อข้องใจได้ไม่มากก็น้อย ลองพิจารณากันเอาเองนะครับ ให้อยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละท่าน ตามกำลังศรัทธาของแต่ละท่าน
-
คู่มือ-หนังสือพระ เกี่ยวกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียน ยังไม่รู้จักพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ยังไม่เคยได้เห็นแม้นแต่รูปของท่าน พอได้ยินได้ฟังเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับหลวงพ่อ ก็ไปหาซื้อคู่มือ-หนังสือพระ ก็ได้4เล่มนี้ตามแผงหนังสือ เป็นคู่มือตำราเล่มแรกๆที่ทำให้พอจะรู้ว่าพระหลวงพ่อมีรุ่นอะไรบ้าง ก่อนที่จะได้มาบ้านสายลมเป็นครั้งแรก และได้ซื้อหนังสือสมบัติพ่อให้ในคราวหลัง เป็นตำราที่ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี
-
๕. พระรุ่นใหม่ พระรุ่นใหม่-โชว์
จักรพรรดิยอดธง รุ่นเสาร์๕ ชุดทองคำ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จักรพรรดิพระยอดธง วัดท่าซุง ปลุกเสกพิธีเสาร์๕ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2554 สร้างด้วยชนวนสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง
รูปแบบพระยอดธงนั้น สร้างโดยจำลองแบบจากสมเด็จฯองค์จักรพรรดิ์ พระประธานศาลาหลวงพ่อ5พระองค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางทรงเครื่องจักรพรรดิ์โปรดพญาชมพูบดี ประทับนั่งปางมารวิชัย มีพุทธลักษณะที่สง่างามองอาจ มีความเมตตาและน่าเกรงขามอยู่ในองค์เดียวกัน
-
เครื่องรางอื่นๆ เครื่องรางอื่นๆ-โชว์
จานคาถาเงินล้าน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
หลวงพ่อท่านเมตตาสร้างจานคาถาเงินล้านขึ้นเป็นพิเศษ รูปลักษณ์เป็นลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร เป็นสติ๊กเกอร์เคลือบรูปหลวงพ่อล้อมรอบด้วยคาถาเงินล้าน ติดบนจานสีขาว หลวงพ่อท่านพุทธาภิเษกด้วยคาถาเงินล้านมหาลาภ บูชาเพื่อความคล่องตัว เงินทองไหลมาเทมา ที่สุดแห่งมหาลาภ เป็นสมบัติพ่อให้อีกชิ้นหนึ่งที่หาชมได้ยาก
ปล. อ้างอิงภาพจากหนังสือธัมมวิโมกข์ปีที่7 ฉบับที่64 หน้า104
********************************************
เพื่อความคล่องตัวในด้านการเงิน บูชาพร้อมกับสวดคาถาเงินล้าน การเงินจะคล่องตัว..เงินทองไหลมาเทมา
คาถาเงินล้าน
(ตั้ง นะโม ๓ จบ )
สัมปจิตฉามิ
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันต ุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)***********************************************
-
จี้ข้าวตอกพระร่วง (คณะศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จัดสร้าง)
คณะศิษย์ตามรอยพระพุทธบาท นำโดยหลวงพี่ชัยวัฒน์ อชิโต จัดสร้างเป็นอนุสรณ์กฐินสามัคคี ที่ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เมื่อปี 2543-2545
***เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย***
ข้าวตอกพระร่วง(แร่พระร่วง)
หลวงพ่อได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้
แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ
1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
2.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น -
จี้หัวใจ พลอยสีชมพู (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จี้เพชรจี้พลอยทรงหัวใจนี้ สร้างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จะมีอยู่ด้วยกันหลายสี เช่น แบบเป็นเพชร หรือจะเป็นแบบพลอยสีแดง พลอยสีชมพู พลอยสีเหลือง หรือจะเป็นพลอยสีม่วง ส่วนเรือนทำด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925 (คือเปอร์เซนต์ของเงิน) เป็นสัญลักษณ์ ผลของจี้นี้เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้หัวใจ พลอยสีม่วง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จี้เพชรจี้พลอยทรงหัวใจนี้ สร้างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จะมีอยู่ด้วยกันหลายสี เช่น แบบเป็นเพชร หรือจะเป็นแบบพลอยสีแดง พลอยสีชมพู พลอยสีเหลือง หรือจะเป็นพลอยสีม่วง ส่วนเรือนทำด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925 (คือเปอร์เซนต์ของเงิน) เป็นสัญลักษณ์ ผลของจี้นี้เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้หัวใจ พลอยสีเหลือง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จี้เพชรจี้พลอยทรงหัวใจนี้ สร้างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จะมีอยู่ด้วยกันหลายสี เช่น แบบเป็นเพชร หรือจะเป็นแบบพลอยสีแดง พลอยสีชมพู พลอยสีเหลือง หรือจะเป็นพลอยสีม่วง ส่วนเรือนทำด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925 (คือเปอร์เซนต์ของเงิน) เป็นสัญลักษณ์ ผลของจี้นี้เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้หัวใจ พลอยสีแดง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จี้เพชรจี้พลอยทรงหัวใจนี้ สร้างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จะมีอยู่ด้วยกันหลายสี เช่น แบบเป็นเพชร หรือจะเป็นแบบพลอยสีแดง พลอยสีชมพู พลอยสีเหลือง หรือจะเป็นพลอยสีม่วง ส่วนเรือนทำด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925 (คือเปอร์เซนต์ของเงิน) เป็นสัญลักษณ์ ผลของจี้นี้เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้หัวใจล้อมเพชร พลอยสีชมพู (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จี้พลอยทรงหัวใจล้อมเพชร สร้างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จะมีอยู่ด้วยกันหลายสี เช่น พลอยสีชมพู พลอยสีแดง หรือจะเป็นพลอยสีเขียว ส่วนเรือนทำด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925 (คือเปอร์เซนต์ของเงิน) เป็นสัญลักษณ์ ผลของจี้นี้เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้หัวใจล้อมเพชร พลอยสีแดง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จี้พลอยทรงหัวใจล้อมเพชร สร้างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จะมีอยู่ด้วยกันหลายสี เช่น พลอยสีแดง พลอยสีชมพู หรือจะเป็นพลอยสีเขียว ส่วนเรือนทำด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925 (คือเปอร์เซนต์ของเงิน) เป็นสัญลักษณ์ ผลของจี้นี้เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้หัวใจเพชร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จี้เพชรจี้พลอยทรงหัวใจนี้ สร้างในสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จะมีอยู่ด้วยกันหลายสี เช่น แบบเป็นเพชร หรือจะเป็นแบบพลอยสีแดง พลอยสีชมพู พลอยสีเหลือง หรือจะเป็นพลอยสีม่วง ส่วนเรือนทำด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925 (คือเปอร์เซนต์ของเงิน) เป็นสัญลักษณ์ ผลของจี้นี้เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้เพชรจักรพรรดิ์ 10กะรัต (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
เพชรนี้เป็นเพชรจักพรรดิ์ที่ขนาดใหญ่ที่สุดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ซึ่งมีขนาด 10กะรัต สร้างจากเพชรเขาพระงาม ทำตัวเรือนด้วยเงินแท้ ผลของเพชรจักรพรรดิ์เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
เมื่อประมาณปลายปี 2529 มีผู้นำเพชรที่ขุดได้ที่เขาพระงาม จ.ลพบุรี มาให้หลวงพ่อดู ซึ่งเป็นเพชรที่เปอร์เซ็นต์เนื้อสูงมาก จนเกือบจะเป็นเพชรแท้อยู่แล้ว หลวงพ่อท่านปรารภว่าจะสร้างเป็นวัตถุมงคลในรูปแบบของแหวน และในพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อเล่าเหตุมหัศจรรย์ให้ฟังว่า การปลุกเสกทุกครั้ง อานุภาพที่คลุมลงบนวัตถุมงคล จะเป็นละอองแก้วบาง ๆ เท่านั้น แต่คราวนี้ประกายแก้วหนาทึบจนมองไม่เห็นโต๊ะหมู่บูชาเลย…
ยิ่งกว่านั้นคือ หลวงพ่อเริ่มพิธีหลังสามทุ่ม พอหลับตาลงจิตก็รวมดิ่งเป็นหนึ่งเดียว รู้สึกว่าเดี๋ยวเดียว แต่พอลืมตาขึ้นมา ตีสี่พอดี…! คืนต่อมาเริ่มเหมือนเดิม ลืมตามาตีสาม…! ท่านบอกว่าเหมือนนั่งครู่เดียวจริงๆ… ตั้งแต่ป่วยมาหลายปีแล้ว เพิ่งมีครั้งนี้แหละ ที่จิตรวมตัวได้เต็มอัตราขนาดนี้ ส่วนเรื่องของอานุภาพไม่ต้องพูดถึง….เพราะในพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง และเพชรของท่านทุกองค์จะมีเทวดารักษาอยู่ด้วยฉะนั้นมีอันตรายเกิดขึ้นท่านจะจัดการให้ทันที ( ต้องอาราธนาไว้เสมอๆ )อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
จี้เพชรจักรพรรดิ์ 2ชั้น (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
เพชรนี้เป็นเพชรจักรพรรดิ์ สร้างออกแบบมาเป็นจี้2ชั้นเป็นเพชรเม็ดเล็กกับเม็ดใหญ่ เป็นเพชรจากเขาพระงาม ทำตัวเรือนด้วยเงินแท้ ที่หูจะมีเลข925เป็นสัญลักษณ์ ผลของเพชรจักรพรรดิ์เป็นที่สุดเรื่องลาภผลทุกประการ ลาภมหาศาลตามจะปราถนา เรื่องป้องกันก็มี
เมื่อประมาณปลายปี 2529 มีผู้นำเพชรที่ขุดได้ที่เขาพระงาม จ.ลพบุรี มาให้หลวงพ่อดู ซึ่งเป็นเพชรที่เปอร์เซ็นต์เนื้อสูงมาก จนเกือบจะเป็นเพชรแท้อยู่แล้ว หลวงพ่อท่านปรารภว่าจะสร้างเป็นวัตถุมงคลในรูปแบบของแหวน และในพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อเล่าเหตุมหัศจรรย์ให้ฟังว่า การปลุกเสกทุกครั้ง อานุภาพที่คลุมลงบนวัตถุมงคล จะเป็นละอองแก้วบาง ๆ เท่านั้น แต่คราวนี้ประกายแก้วหนาทึบจนมองไม่เห็นโต๊ะหมู่บูชาเลย…
ยิ่งกว่านั้นคือ หลวงพ่อเริ่มพิธีหลังสามทุ่ม พอหลับตาลงจิตก็รวมดิ่งเป็นหนึ่งเดียว รู้สึกว่าเดี๋ยวเดียว แต่พอลืมตาขึ้นมา ตีสี่พอดี…! คืนต่อมาเริ่มเหมือนเดิม ลืมตามาตีสาม…! ท่านบอกว่าเหมือนนั่งครู่เดียวจริงๆ… ตั้งแต่ป่วยมาหลายปีแล้ว เพิ่งมีครั้งนี้แหละ ที่จิตรวมตัวได้เต็มอัตราขนาดนี้ ส่วนเรื่องของอานุภาพไม่ต้องพูดถึง….เพราะในพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์แม่เป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง และเพชรของท่านทุกองค์จะมีเทวดารักษาอยู่ด้วยฉะนั้นมีอันตรายเกิดขึ้นท่านจะจัดการให้ทันที ( ต้องอาราธนาไว้เสมอๆ )อธิษฐานว่า “ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ”
-
ฉนวนหล่อหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ 19องค์ รอบวิหาร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
คณะศิษย์หลวงพ่อ นำฉนวนที่เหลือจากการหล่อหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ 19องค์ รอบพระวิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์หลังใหม่ (ที่บูรณะสร้างครอบองค์พระวิหารหลังเก่า) มาหล่อเป็นแผ่นฉนวน โดยรูปลักษณ์ด้านหน้าเป็น “วงกลมล้อมเลข ๑๙” (สื่อว่า สร้างหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ 19องค์ล้อมพระวิหารองค์ท่าน) ด้านล่างระบุ วันที่สร้าง “๔ มีนาคม ๒๕๕๖” พร้อมตอกโค๊ต S ส่วนด้านหลังเรียบ
แผ่นชนวนนี้ผสมมวลสารสำคัญของวัดหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีชนวนสมเด็จองค์ปฐม องค์ใหญ่ผสมไปด้วย พุทธคุณเต็มเปี่ยม
-
พระบูชา พิมพ์อื่นๆ พระบูชาพิมพ์อื่นๆ-โชว์
ช้างพระเจ้าพรหมมหาราช กะไหล่ทอง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จัดสร้างโดยคุณจีระศักดิ์ พูนผล เพื่อหาทุนทรัพย์ในการจัดสร้างอนุเสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างพลายประกายแก้ว ประจำ ณ วัดท่าซุง โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 9 แสนบาท และหลวงพ่อได้เมตตาเพิ่มเติมด้วยการสั่งให้ปิดทองคำแท้ทั้งองค์อีกเป็นจำนวน 250,000 บาท
พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาเททองหล่อเมื่อ วันมาฆบูชา ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ สร้างประมาณ 300องค์เศษ ขนาดฐาน 8 x 4 1/2นิ้ว ฐานสูง 1นิ้ว ความสูงทั้งสิ้น 12นิ้ว ที่ฐานด้านหน้ามีหมายเลขประจำองค์ ส่วนที่ฐานข้างหนึ่งเขียนว่า “เททองโดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร วันมาฆบูชาที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ” และอีกข้างหนึ่งเขียนว่า “พระเจ้าพรหมมหาราช ช้างประกายแก้ว กู้ชาติไทยครั้งแรกสมัยโยนก”
จัดสร้างด้วยกัน 4เนื้อ คือ
1) เนื้อชุบกะไหล่ทอง
2) เนื้อชุบกะไหล่เงิน
3) เนื้อชุบกะไหล่นาก
4) เนื้อโลหะรมดำ / เนื้อโลหะไม่รมดำ (ผิวทองแดง)ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2527 หลวงพ่อจึงได้ทำพิธีบวงสรวงและเปิดอนุเสาวรีย์องค์พระเจ้าพรหมมหาราช เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2527 และในปัจจุบัน…ทางวัดจะจัดงานฉลองชัยชนะของพระเจ้าพรหมมหาราช ณ อนุเสาวรีย์ เป็นประจำทุกๆปีในวันก่อนหน้าวันเข้าพรรษาหนึ่งวัน โดยจะมีการบวงสรวงและเวียนเทียนรอบอนุเสาวรีย์ อีกทั้งมีการฟ้อนรำถวายองค์พระเจ้าพรหมมหาราช เพื่อเป็นการระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เล่าถึงอานุภาพไว้ว่า
:- ช้างถนัดในทางปราบอมิตร พระเจ้าพรหมมหาปราบและมหาเสน่ห์ พระนางปทุมวดี (ยังไม่มีรูปปั้นที่วัด) ถนัดในทางลาภ
:- ถ้าจะบนช้างต้องเอาเลือดสดทาปาก แต่ท่านให้ใช้อาหาร ที่มีเลือดหมูต้มรวมอยู่ด้วยถวายพระแทน
:- ส่วนถ้าจะบนพระเจ้าพรหม ให้ใช้ผ้าเหลืองถวายพระ และถ้าบนพระนางปทุมวดี ให้ใช้ดอกไม้ 3สี บูชาพระถวายสังฆทาน***************************************************
สำหรับองค์บูชาพระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างประกายแก้ว ในสมัยหลวงพ่อนั้น ท่านตั้งราคาให้ร่วมทำบุญ ดังนี้
1. เนื้อโลหะชุบทอง ทำบุญองค์ละ 3,000 บาท
2. เนื้อโลหะชุบนาก ทำบุญองค์ละ 2,500 บาท
3. เนื้อโลหะชุบเงิน ทำบุญองค์ละ 2,500 บาท
4. เนื้อโลหะรมดำ ทำบุญองค์ละ 1,500 บาท**************************************************
ประวัติ พระเจ้าพรหม มหาราชองค์แรกของไทย
หากมีการตั้งคำถามว่า กษัตริย์ที่นักประวัติศาสตร์ไทยยกย่องว่าเป็น “มหาราช” องค์แรกของไทย คือ พระองค์ใด หลายคนคงนึกถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บางคนอาจจะนึกถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือบางคนอาจนึกไปได้ไกลถึงพระเจ้ามังรายมหาราช เพราะแต่ละพระองค์ล้วนแต่ครองราชย์ในช่วงหลายร้อยปีก่อนหน้าโน้น และมีพระนามเป็นที่คุ้นหูอย่างดี แต่ความเป็นจริง พระมหากษัตริย์ไทยเราที่ทรงเป็นมหาราชองค์แรก ก็คือ “พระเจ้าพรหมมหาราช” ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของชาติไทยให้รอดพ้นจากการรุกรานย่ำยีของพวกขอม เมื่อประมาณ ๑,๐๖๔ ปีล่วงมาแล้ว ในสมัยอาณาจักรโยนกหรืออำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของเวลา แต่ละตำราจะเขียนไว้ไม่เหมือนกัน ในที่นี้จะขอยึดข้อมูลจากหนังสือประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดเชียงราย ซึ่งเอา “ตำนานสิงหนวัติฉบับสอบค้น” มาเป็นหลักอ้างอิง กล่าวคือย้อนไปเมื่อ พ.ศ.๑๔๖๐ ในรัชสมัยของ พระเจ้าพังคะ หรือ พระองค์ฬั่ง กษัตริย์องค์ที่ ๔๓ แห่งราชวงศ์สิงหนวัติ ได้ถูกพวกขอมขับไล่จากเมืองโยนกพันธุ์ไปอยู่เมืองเวียงสี่ตวง ใกล้แม่น้ำสาย จนกระทั่ง ๔ ปีต่อมา หรือเมื่อ พ.ศ. ๑๔๖๔ มเหสีของพระองค์ไปประสูติโอรสคนที่ ๒ มีการขนานนามว่า “พระเจ้าพรหมกุมาร”
ในตำนานได้กล่าวถึงประวัติตอนปฐมวัยของ “พระเจ้าพรหมกุมาร” เต็มไปด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ เช่น เมื่อพระองค์มีพระชันษาได้๗ ปี ก็สามารถเล่าเรียนวิชาเพลงอาวุธและตำราพิชัยสงคราม จนจบครบถ้วนกระบวนความ หรือเมื่อพระองค์มีพระชันษาได้ ๑๓ ปี ได้ทรงสุบินว่า มีเทพยดามาบอกว่า จะมีช้าง ๓ ตัวล่องน้ำโขงมา และให้เจ้าพรหมกุมารไปล้างหน้าที่นั่น หากจับช้างตัวแรกได้จะมีอานุภาพปราบได้ทั้ง ๔ ทวีป ถ้าจับได้ตัวที่ ๒ จะมีอานุภาพได้ชมภูทวีป ถ้าจับได้ตัวที่ ๓ จะปราบแว่นแคว้นล้านนาได้
พอรุ่งเช้า เจ้าพรหมกุมารจึงได้พาบริวารประมาณ ๕๐ คน ไปยังท่าน้ำ ครั้งแรกเห็นงูเหลือมเลื่อมเป็นมันระยับลอยผ่านไปแล้ว ๑ ตัว พอตัวที่ ๒ ก็เป็นงูอีกเหมือนกัน พอตัวที่ ๓ เจ้าพรหมกุมารจึงทรงนึกถึงเรื่องในสุบินนั้นคงเป็นงูนี่เอง จึงพร้อมกับบริวารช่วยกันจับงู เมื่อเจ้าพรหมกุมารสามารถขึ้นขี่ งูก็กลายเป็นช้างไปทันที แต่ไม่ยอมขึ้นฝั่ง จนกระทั่งบริวารต้องเอาพานทองคำตีล่อ ช้างจึงยอมขึ้นจากน้ำ และมีการเรียกชื่อว่า “ช้างพานทองคำ”พระเจ้าพรหม ทรงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสามารถและโปรดในการสงคราม เมื่อสามารถเตรียมกำลังไพร่พลได้อย่างเต็มที่แล้ว ก็ทูลพระบิดาให้เลิกการส่งส่วยแก่ขอม พวกขอมจึงยกทัพขึ้นไปปราบ พระเจ้าพรหมก็คุมกำลังออกต่อสู้และขับไล่พวกขอมจนแตกพ่าย สามารถยึดเมืองโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติคืนได้เมื่อ พ.ศ.๑๔๗๙ ในขณะที่พระองค์มีพระชันษาได้เพียง ๑๖ ปีเท่านั้น
สำหรับช้างพานทองคำ เมื่อเสร็จสงครามก็ได้หายไปทางดอยลูกหนึ่ง ซึ่งต่อมาเรียกว่า “ดอยช้างงู” แต่ชาวเขาเผ่าอีก้อออกเสียงไม่ชัดเจน เรียกว่า “ดอยสะโง้” และได้เรียกเพี้ยนมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนพระเจ้าพรหม เมื่อได้อัญเชิญพระบิดามาครองเมืองโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองโยนกชัยบุรีแล้ว พระองค์ก็นำทัพไปขับไล่ขอมจนถึงเมืองกำแพงเพชร จนหมดเชื้อชาติขอมในอาณาจักรโยนกแล้วจากนั้นพระองค์ก็ได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นที่เมืองอุมงคลเสลาเก่า เมื่อ พ.ศ. ๑๔๘๐ เพื่อเป็นด่านหน้าคอยป้องกันพวกขอมยกทัพกลับมาตีอีก และเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น “เมืองไชยปราการ” ซึ่งปัจจุบันเป็นอำเภอชัยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ นั่นเอง
พระองค์ได้ครองเมืองไชยปราการได้ ๕๙ ปี ก็เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ.๑๕๔๐ ต่อมาได้มีการขนานนามพระองค์ว่า “พระเจ้าพรหมมหาราช” นับเป็นมหาราชองค์แรกของชาติไทย
-
พระบูชา พิมพ์อื่นๆ พระบูชาพิมพ์อื่นๆ-โชว์
ช้างพระเจ้าพรหมมหาราช กะไหล่นาก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
จัดสร้างโดยคุณจีระศักดิ์ พูนผล เพื่อหาทุนทรัพย์ในการจัดสร้างอนุเสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างพลายประกายแก้ว ประจำ ณ วัดท่าซุง โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 9 แสนบาท และหลวงพ่อได้เมตตาเพิ่มเติมด้วยการสั่งให้ปิดทองคำแท้ทั้งองค์อีกเป็นจำนวน 250,000 บาท
พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาเททองหล่อเมื่อ วันมาฆบูชา ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ สร้างประมาณ 300องค์เศษ ขนาดฐาน 8 x 4 1/2นิ้ว ฐานสูง 1นิ้ว ความสูงทั้งสิ้น 12นิ้ว ที่ฐานด้านหน้ามีหมายเลขประจำองค์ ส่วนที่ฐานข้างหนึ่งเขียนว่า “เททองโดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร วันมาฆบูชาที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ” และอีกข้างหนึ่งเขียนว่า “พระเจ้าพรหมมหาราช ช้างประกายแก้ว กู้ชาติไทยครั้งแรกสมัยโยนก”
จัดสร้างด้วยกัน 4เนื้อ คือ
1) เนื้อชุบกะไหล่ทอง
2) เนื้อชุบกะไหล่เงิน
3) เนื้อชุบกะไหล่นาก
4) เนื้อโลหะรมดำ / เนื้อโลหะไม่รมดำ (ผิวทองแดง)ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2527 หลวงพ่อจึงได้ทำพิธีบวงสรวงและเปิดอนุเสาวรีย์องค์พระเจ้าพรหมมหาราช เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2527 และในปัจจุบัน…ทางวัดจะจัดงานฉลองชัยชนะของพระเจ้าพรหมมหาราช ณ อนุเสาวรีย์ เป็นประจำทุกๆปีในวันก่อนหน้าวันเข้าพรรษาหนึ่งวัน โดยจะมีการบวงสรวงและเวียนเทียนรอบอนุเสาวรีย์ อีกทั้งมีการฟ้อนรำถวายองค์พระเจ้าพรหมมหาราช เพื่อเป็นการระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เล่าถึงอานุภาพไว้ว่า
:- ช้างถนัดในทางปราบอมิตร พระเจ้าพรหมมหาปราบและมหาเสน่ห์ พระนางปทุมวดี (ยังไม่มีรูปปั้นที่วัด) ถนัดในทางลาภ
:- ถ้าจะบนช้างต้องเอาเลือดสดทาปาก แต่ท่านให้ใช้อาหาร ที่มีเลือดหมูต้มรวมอยู่ด้วยถวายพระแทน
:- ส่วนถ้าจะบนพระเจ้าพรหม ให้ใช้ผ้าเหลืองถวายพระ และถ้าบนพระนางปทุมวดี ให้ใช้ดอกไม้ 3สี บูชาพระถวายสังฆทาน*****************************************************************
สำหรับองค์บูชาพระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างประกายแก้ว ในสมัยหลวงพ่อนั้น ท่านตั้งราคาให้ร่วมทำบุญ ดังนี้
1. เนื้อโลหะชุบทอง ทำบุญองค์ละ 3,000 บาท
2. เนื้อโลหะชุบนาก ทำบุญองค์ละ 2,500 บาท
3. เนื้อโลหะชุบเงิน ทำบุญองค์ละ 2,500 บาท
4. เนื้อโลหะรมดำ ทำบุญองค์ละ 1,500 บาท*****************************************************
ประวัติ พระเจ้าพรหม มหาราชองค์แรกของไทย
หากมีการตั้งคำถามว่า กษัตริย์ที่นักประวัติศาสตร์ไทยยกย่องว่าเป็น “มหาราช” องค์แรกของไทย คือ พระองค์ใด หลายคนคงนึกถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บางคนอาจจะนึกถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือบางคนอาจนึกไปได้ไกลถึงพระเจ้ามังรายมหาราช เพราะแต่ละพระองค์ล้วนแต่ครองราชย์ในช่วงหลายร้อยปีก่อนหน้าโน้น และมีพระนามเป็นที่คุ้นหูอย่างดี แต่ความเป็นจริง พระมหากษัตริย์ไทยเราที่ทรงเป็นมหาราชองค์แรก ก็คือ “พระเจ้าพรหมมหาราช” ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของชาติไทยให้รอดพ้นจากการรุกรานย่ำยีของพวกขอม เมื่อประมาณ ๑,๐๖๔ ปีล่วงมาแล้ว ในสมัยอาณาจักรโยนกหรืออำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของเวลา แต่ละตำราจะเขียนไว้ไม่เหมือนกัน ในที่นี้จะขอยึดข้อมูลจากหนังสือประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดเชียงราย ซึ่งเอา “ตำนานสิงหนวัติฉบับสอบค้น” มาเป็นหลักอ้างอิง กล่าวคือย้อนไปเมื่อ พ.ศ.๑๔๖๐ ในรัชสมัยของ พระเจ้าพังคะ หรือ พระองค์ฬั่ง กษัตริย์องค์ที่ ๔๓ แห่งราชวงศ์สิงหนวัติ ได้ถูกพวกขอมขับไล่จากเมืองโยนกพันธุ์ไปอยู่เมืองเวียงสี่ตวง ใกล้แม่น้ำสาย จนกระทั่ง ๔ ปีต่อมา หรือเมื่อ พ.ศ. ๑๔๖๔ มเหสีของพระองค์ไปประสูติโอรสคนที่ ๒ มีการขนานนามว่า “พระเจ้าพรหมกุมาร”
ในตำนานได้กล่าวถึงประวัติตอนปฐมวัยของ “พระเจ้าพรหมกุมาร” เต็มไปด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ เช่น เมื่อพระองค์มีพระชันษาได้๗ ปี ก็สามารถเล่าเรียนวิชาเพลงอาวุธและตำราพิชัยสงคราม จนจบครบถ้วนกระบวนความ หรือเมื่อพระองค์มีพระชันษาได้ ๑๓ ปี ได้ทรงสุบินว่า มีเทพยดามาบอกว่า จะมีช้าง ๓ ตัวล่องน้ำโขงมา และให้เจ้าพรหมกุมารไปล้างหน้าที่นั่น หากจับช้างตัวแรกได้จะมีอานุภาพปราบได้ทั้ง ๔ ทวีป ถ้าจับได้ตัวที่ ๒ จะมีอานุภาพได้ชมภูทวีป ถ้าจับได้ตัวที่ ๓ จะปราบแว่นแคว้นล้านนาได้
พอรุ่งเช้า เจ้าพรหมกุมารจึงได้พาบริวารประมาณ ๕๐ คน ไปยังท่าน้ำ ครั้งแรกเห็นงูเหลือมเลื่อมเป็นมันระยับลอยผ่านไปแล้ว ๑ ตัว พอตัวที่ ๒ ก็เป็นงูอีกเหมือนกัน พอตัวที่ ๓ เจ้าพรหมกุมารจึงทรงนึกถึงเรื่องในสุบินนั้นคงเป็นงูนี่เอง จึงพร้อมกับบริวารช่วยกันจับงู เมื่อเจ้าพรหมกุมารสามารถขึ้นขี่ งูก็กลายเป็นช้างไปทันที แต่ไม่ยอมขึ้นฝั่ง จนกระทั่งบริวารต้องเอาพานทองคำตีล่อ ช้างจึงยอมขึ้นจากน้ำ และมีการเรียกชื่อว่า “ช้างพานทองคำ”พระเจ้าพรหม ทรงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสามารถและโปรดในการสงคราม เมื่อสามารถเตรียมกำลังไพร่พลได้อย่างเต็มที่แล้ว ก็ทูลพระบิดาให้เลิกการส่งส่วยแก่ขอม พวกขอมจึงยกทัพขึ้นไปปราบ พระเจ้าพรหมก็คุมกำลังออกต่อสู้และขับไล่พวกขอมจนแตกพ่าย สามารถยึดเมืองโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติคืนได้เมื่อ พ.ศ.๑๔๗๙ ในขณะที่พระองค์มีพระชันษาได้เพียง ๑๖ ปีเท่านั้น
สำหรับช้างพานทองคำ เมื่อเสร็จสงครามก็ได้หายไปทางดอยลูกหนึ่ง ซึ่งต่อมาเรียกว่า “ดอยช้างงู” แต่ชาวเขาเผ่าอีก้อออกเสียงไม่ชัดเจน เรียกว่า “ดอยสะโง้” และได้เรียกเพี้ยนมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนพระเจ้าพรหม เมื่อได้อัญเชิญพระบิดามาครองเมืองโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองโยนกชัยบุรีแล้ว พระองค์ก็นำทัพไปขับไล่ขอมจนถึงเมืองกำแพงเพชร จนหมดเชื้อชาติขอมในอาณาจักรโยนกแล้วจากนั้นพระองค์ก็ได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นที่เมืองอุมงคลเสลาเก่า เมื่อ พ.ศ. ๑๔๘๐ เพื่อเป็นด่านหน้าคอยป้องกันพวกขอมยกทัพกลับมาตีอีก และเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น “เมืองไชยปราการ” ซึ่งปัจจุบันเป็นอำเภอชัยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ นั่นเอง
พระองค์ได้ครองเมืองไชยปราการได้ ๕๙ ปี ก็เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ.๑๕๔๐ ต่อมาได้มีการขนานนามพระองค์ว่า “พระเจ้าพรหมมหาราช” นับเป็นมหาราชองค์แรกของชาติไทย