ผ้ายันต์

  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงค้าขาย (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ผ้ายันต์ธงค้าขาย (ธงเหลือง) หลวงพ่อนำจีวรที่ห่มหลวงพ่อ 4 พระองค์ในสมัยนั้นมาตัดทำเป็นธง สร้างเมื่อปีพ.ศ.2520 แจกเนื่องในงานผูกพัทธสีมา 24 เมษายน 2520 มีลักษณะการปั๊มอยู่ 2แบบ คือ
    1) ปั๊มยันต์ท้าวมหาชมภู พร้อมข้อความ “งานผูกพัทธสีมา ศูนย์ศิษย์หลวงพ่อปาน ๒๔ เมษายน ๒๕๒๐”
    2) ปั๊มตรายางวงกลมมีรูปพัทธสีมาอยู่ด้านใน
    พุทธคุณเด่นเรื่องการค้าการขายทำให้คล่องตัว ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา

    *******************************************
    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
    หลวงพ่อ 4พระองค์ มีดังนี้คือ
    1) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (องค์ปัจจุบัน)
    2) หลวงปู่ใหญ่ (อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกวัดท่าซุง)
    3) หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    4) หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค

    แต่หลังจากหลวงพ่อได้ละสังขาร ทางวัดก็ได้นำรูปปั้นหลวงพ่อมาตั้งด้วยอีกองค์ เราจึงเรียกว่า “หลวงพ่อ 5พระองค์” ในปัจจุบัน

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงท่านปู่พระอินทร์ หลวงพี่สมปอง บ้านสบายใจ (สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    ผืนนี้หลวงพี่สมปองจัดสร้าง ซึ่งบางท่านอาจจะไม่รู้ไม่ทราบ เห็นกันตามตลาดจะนึกว่าเป็นของหลวงพ่อ บูชากันมาแบบเข้าใจผิดกัน นำมาให้ชมให้ศึกษากัน

    Read more
  • ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์

    ผ้ายันต์ธงท้าวมหาชมภู (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    หลวงพ่อท่านกล่าวถึงผ้ายันต์เขียวผ้ายันต์แดงนี้ไว้ว่า ทำขึ้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทหารที่เข้าสงครามโดยเฉพาะ แต่ไม่รับรองในด้านคงกระพันชาตรี ท่านเจ้าของยันต์รับรองว่าจะไม่ตายโหง ถ้าเคราะห์ร้ายจริง ๆ จะยอมให้แค่เสียเลือดแต่กระดูกจะไม่หัก ถ้าถึงที่ตาย จะให้กลับมาตายที่บ้าน ท่านผู้รับไปจะต้องใช้ในเมื่อความจำเป็นบังคับเท่านั้น เช่น ต้องรบเพื่อป้องกันประเทศชาติ หรือป้องกันทรัพย์สมบัติ และชีวิตเมื่อถูกรุกราน ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ผ้ายันต์นี้จะไม่ให้ผลแด่ท่านเลย

    ประโยชน์จากผ้ายันต์
    ๑. ผ้ายันต์สีแดง (ธงท่านท้าวมหาชมภู) มีไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุ และโรคระบาดต่าง ๆ เช่น ไข้ป่า เป็นต้น อันตรายจะมีแด่ท่านผู้มียันต์นี้อย่างมากก็เพียงเนื้อแตก หนังแตก จะไม่มีอันตรายถึงกระดูกหัก หรือสิ้นชีวิตในระหว่างที่ ยังไม่ถึงอายุขัย

    ๒. ผ้ายันต์สีเขียว (ธงพระอินทร์) จะช่วยคุ้มครองหมู่คณะที่ร่วมปฏิบัติงานร่วมกัน ถ้าเขาเหล่านั้นต้องการให้คุ้มครอง
    อาราธนา การอาราธนาขอให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และครูอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา จนถึงหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และท่านเจ้าของธงเป็นที่สุด แล้วให้อธิษฐานตามที่ตนปราถนา (หมายถึงการคุ้มครอง) ไม่ใช่ขอหวย เมื่ออธิษฐานแล้วให้ปลุกด้วยคาถาปลุกของคนทั่วไปของหลวงพ่อปาน ว่าดังต่อไปนี้

    คาถาปลุก

    “อิทธิฤทธิ์ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุนี้ด้วยเถิด”

    ผ้านี้ทำเพียงหนึ่งพันชุด และแจกในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๒ ซึ่งตรงกับ เดือนห้า ขึ้นห้าค่ำ วันเสาร์ เป็นวันไหว้ครู

    **********************************************

    สังเกตอักขระยันต์ทั้ง2ผืนจะคนละแบบกัน แบบผืนด้านบนจะเป็นแบบที่เราพบเห็นได้ทั่วไป แต่ส่วนผืนด้านล่างตัวอักขระยันต์จะตัวเล็กกว่า สร้างออกมาในยุคแรกๆ ไม่ค่อยมีให้เห็นกันนัก หาชมยาก

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงท้าวมหาชมภู หลวงพี่สมปอง บ้านสบายใจ (สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    ผืนนี้หลวงพี่สมปองจัดสร้าง ซึ่งบางท่านอาจจะไม่รู้ไม่ทราบ เห็นกันตามตลาดจะนึกว่าเป็นของหลวงพ่อ บูชากันมาแบบเข้าใจผิดกัน นำมาให้ชมให้ศึกษากัน

    —————————————————————————————————————

    ***เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย***
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านกล่าวถึงผ้ายันต์แดงผืนที่ท่านสร้างไว้ว่า ทำขึ้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทหารที่เข้าสงครามโดยเฉพาะ แต่ไม่รับรองในด้านคงกระพันชาตรี ท่านเจ้าของยันต์รับรองว่าจะไม่ตายโหง ถ้าเคราะห์ร้ายจริง ๆ จะยอมให้แค่เสียเลือดแต่กระดูกจะไม่หัก ถ้าถึงที่ตาย จะให้กลับมาตายที่บ้าน ท่านผู้รับไปจะต้องใช้ในเมื่อความจำเป็นบังคับเท่านั้น เช่น ต้องรบเพื่อป้องกันประเทศชาติ หรือป้องกันทรัพย์สมบัติ และชีวิตเมื่อถูกรุกราน ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ผ้ายันต์นี้จะไม่ให้ผลแด่ท่านเลย

    ประโยชน์จากผ้ายันต์
    ผ้ายันต์สีแดง (ธงท่านท้าวมหาชมภู) มีไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุ และโรคระบาดต่าง ๆ เช่น ไข้ป่า เป็นต้น อันตรายจะมีแด่ท่านผู้มียันต์นี้อย่างมากก็เพียงเนื้อแตก หนังแตก จะไม่มีอันตรายถึงกระดูกหัก หรือสิ้นชีวิตในระหว่างที่ ยังไม่ถึงอายุขัย

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงท้าวมหาพรหม (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เป็นผ้ายันต์ผืนสีขาวมีอักขระพิมพ์ด้วยหมึกสีแดง มีการสร้างด้วยกันหลายวาระ ภายหลังจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมรณะภาพแล้ว พุทธคุณเด่นๆ สำหรับผ้ายันต์ชุดนี้ จะเด่นทางด้านเมตตา โชคลาภ ปัดเป่าอุปสรรคต่างๆนาๆ รวมถึงหากนำไปปักไว้กลางทุ่งนา หรือไร่ สวน จะช่วยป้องกัน เพลี้ยกันแมลงได้อย่างดี

    ส่วนวิธีการอาราธนา ก็คล้ายกับวัตถุมงคลอื่นๆ คือ ให้ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้นขอให้อาราธนาคุณพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด มีหลวงปู่ปานและหลวงพ่อ คุณพรหม คุณเทวดาทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านท้าวสหัสบดีพรหม ให้ท่านช่วยสงเคราะห์ในเรื่อง…..(ตามแต่อธิษฐาน)….

    แล้วปลุกด้วยคาถาของหลวงปู่ปานคือ “ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่มะอะอุนี้เถิด”

    ********************************************************************************************************

    อ้างอิงบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ มีนาคม ๒๕๓๘

    สมัยหลวงพ่อท่านมีชีวิตอยู่ เกิดเพลี้ยกระโดด มันกินข้าวเป็นแสนๆล้านๆ ไร่ หลวงพ่อ ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ท่านบอกว่า นันต์ แกลองบอกกับชาวบ้านเขาซิ ให้ว่าคาถาตัวไหน ก็ไม่รู้ แล้วเขียนไปปักที่กลางนา เราก็จำไม่ได้ ไม่ค่อยได้สนใจมาก พอคุยปุ๊บท่านก็ เข้าห้องน้ำ ท่านอยู่ในห้องน้ำท่านก็บอก

    เฮ้ย….นันต์ ที่พูดนั่น ท่านเจ้าของคาถาเขามาเลย
    ท้าวมหาพรหมมาบอก เขียนแค่นั้นไม่พอนะ ต้องเต็มตัวเลย เขียนว่า
    พรหมาจะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ

    ตอนนั้นท่านก็ยังไม่ได้ทำนี่ เราก็ให้พระที่อื่นทำ ทำแล้วก็เกิดมีผลเข้า มีผลชาวบ้าน เขาบอกเออ..ดี ไปปักที่นาแล้วเพลี้ยทีนี้ไม่เข้าก็จริง แต่เรามาดูคาถาที่แปลแล้ว เป็นคาถาปัดอุปสรรค ลองปรึกษากับพระ ไปปั๊มทีซิ จะทำเสาร์ห้าด้วย ทีนี้ก็เกิดทำเข้ามาแล้ว ก็เราไม่รู้ผลจะเป็นยังไงนะ ใช่ไหม

    พระชัยวัฒน์นี่ พอทำวันเสาร์ห้า เสร็จก็ ไปเขาคิชฌกูฏ ที่จันทบุรีเลย เราก็ไม่รู้ผล ว่าเป็นยังไงเพิ่งทำมาได้ไม่กี่วันนี่ ท่านชัยวัฒน์เขามาเล่าให้ฟัง บอกไอ้ปั๊มน้ำมันนี่ เขาเอายันต์ไปให้ เขาก็บอกเอ๊ะ…แปลกใจจังเลย คนเข้าปั๊มเต็มเลย เราบอกค่อยๆ พูดนะ เดี๋ยวจะหาโฆษณานี่ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ แต่เป็นคาถากันอุปสรรค กันเสนียดจัญไร อะไรอย่างนี้ กันอุปสรรค แต่ที่แปลดูคาถามหาลาภนี่จะเป็นกันอุปสรรค กันอุปสรรคทั้งหลาย

    ” หรือจะเป็นอุปสรรคหมดไปแล้ว ลาภก็เลยเข้ามา ”

    ท่านบอกปักกลางนา ทำเป็นธงไปปัก ก่อนปักนั้นให้สัคเคด้วย สัคเค ใครสัคเคไม่เป็น ก็ไปหัดท่องให้ได้ สัคเค อธิษฐานขอให้ธงนี้ ป้องกันอุปสรรคทั้งหลาย อะไรนี่ คือไปปักที่กลางนาก็มีผลนี่ มีผลมาแล้วพวกลองดูน่ะ เราไม่มีนาก็ปักที่บ้านได้ กันอุปสรรคได้ หรือไม่ก็เอาไว้ ในกระเป๋าสตางค์

    Read more
  • ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์

    ผ้ายันต์ธงพระแม่โพสพ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ผ้ายันต์ธงพระแม่โพสพ หรือที่เราจะเรียกกันติดปากว่า “ผ้ายันต์ธงฟ้า” พุทธคุณใช้ป้องกันเพลี้ย กันแมลง หรือถ้าเข้าไปอยู่ในป่าก็จะไม่อดตาย

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ผืนเล็ก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ความรู้เรื่อง ธงมหาพิชัยสงคราม

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เป็น ธงออกศึกของพระร่วง ในสมัยก่อน หลวงพ่อท่านได้ตำราการทำยันต์ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มาจาก อ.แจง ชาวสวรรคโลก ซึ่ง อ.แจงนี้ เป็น ฆราวาส แต่ทรงสมาบัติ 8 ธงมหาพิชัยสงครามนี้ หากนำทัพเข้าสู่สงครามจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ หลวงพ่อท่านเคยกรุณาบอกไว้ว่า ผืนเดียวคลุมทั้งฐาน หมายถึง ถ้ามีผ้ายันต์นี้ ผืนเดียวสามารถคุ้มครองได้ทั้งฐานทัพครับ ไม่ว่าจะสร้างเป็นค่าย หรือแค่บังเกอร์ ตัวอย่างมีให้เห็น ทหารที่เคยไปรบด้านตาพระยา น่าจะรู้ซึ้งถึง พระพุทธคุณของธงมหาพิชัยสงครามนี้ดี

    มีเกร็ดอยู่อีกหน่อยว่า หลวงพ่อท่านสั่งห้ามว่า ถ้าได้ธงผืนนี้ไปแล้ว ห้ามปลุกโดยเด็ดขาด เพราะอานุภาพสูงมาก ถ้าไปปลุกธงมหาพิชัยสงครามนี้ อาจถึงตายได้ ในตำราสมุดพระร่วงได้จารึกตำราสร้างธงมหาพิชัยสงครามนี้เเละยังรวมไปถึงวิธีการเป่ายันต์เกราะเพชรของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    ปัจจุบัน ตำรานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้ถวายให้กับในหลวงไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 แล้ว เพราะหลวงพ่อท่านเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของตระกูลพระร่วงที่สืบเขื้อสายมา ในส่วนของตำราพระร่วงนี้ ถ้าบุคคลอื่นได้ตำรานี้ไปก็ไม่สามารถทำวัตถุมงคลต่างๆได้ถึงอานุภาพสูงสุด อย่างมากก็ได้ไม่เกิน 10% เพราะท่านเจ้าของตำราคือ ท่านผกาพรหม ท่านไม่อนุญาต ดังนั้น ตามคติคนเรียนวิชาแต่โบราณ ถ้าสิ้นสุดสายการสืบทอดวิชา ถ้าจะเริ่มวิชาใหม่ต้องไปขอต่อพระเจ้าแผ่นดินให้พระเจ้าเเผ่นดินครอบครูให้ หลวงพ่อท่านทราบข้อบังคับนี้
    ท่านจึงถวายตำรานี้แด่ ในหลวง

    ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้ส่งเจ้าพระยาโกษาปาน ไปทำสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า… เมื่อเรือสำเภาอันจะเข้าสู่กรุงฝรั่งเศสนั้น จะต้องผ่านวังน้ำอันวนเชี่ยวใหญ่ เรือสินค้ามากมายถูกดูดลงสู่วังน้ำวน จมลงนับร้อย เรือสำเภาอันเจ้าพระยาโกษาปานราชทูตโดยสารมานั้น จะถูกดูดเข้าวังวน ปะขาวอาจารย์ของเจ้าพระยาโกษาปาน ได้ตั้งพิธีขึ้น ระลึกถึงพุทธานุภาพ ทำอาโปกสิณ บัดหนึ่งก็เกิดลมสลาตันยกเรือสำเภาของพระยาโกษาปาน ข้ามผ่านวังน้ำวนนั้นไปเป็นที่อัศจรรย์ พอในเวลาเที่ยง พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ทรงให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์แม่นปืนสองหมู่ หมู่หนึ่งชุดแต่งกายแดงร้อยคน หมู่หนึ่งชุดแต่งกายดำร้อยคน ตั้งกองอยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันสักสี่สิบห้าสิบวา ฝ่ายทหารชุดแต่งกายแดงทั้งร้อยคน ยิงปืนไปยังหน่วยทหารแต่งกายดำ ลูกปืนเข้าสู่ลำกล้องของทหารแต่งกายดำทั้งร้อยกระบอก พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงตรัสว่า พระเจ้าแผ่นดินสยาม มีทหารแม่นปืนเช่นนี้หรือไม่ ? เจ้าพระยาโกษาปานตอบว่า ในเมืองสยามไม่มีทหารแม่นปืนเหมือนเช่นในฝรั่งเศส เพราะอาวุธปืนไม่อาจทำอันตรายทหารสยามได้ จึงไม่มีความจำเป็นในการตั้งกองทหารปืน พระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ จึงตรัสว่า มีเหตุเช่นนั้นจริงหรือ? …เจ้าพระยาโกษาปานจึงกราบทูลตอบว่า ข้าพระพุทธเจ้า จะขอแสดงให้ทอดพระเนตรในวันพรุ่ง โดยขอให้หน่วยทหาร ทั้งชุดแดงและชุดดำ เป็นผู้ยิงปืน….ในวันรุ่งขึ้น ปะขาวได้ตั้งศาลเพียงตา แลวางสายสิญจน์รอบปักธงธวัชแล้ว ให้กลาสีเรือชายสยามทั้งร้อยเข้าไปอยู่ภายในวงรอบสายสิญจน์ มลฑลพิธี ภายนอกห่างไปสักยี่สิบวา ทหารชุดแต่งกายแดงและทหารชุดแต่งกายดำพร้อมปืนยืนรออยู่ เมื่อปะขาวผู้ทรงศีลให้สัญญาณ เจ้าพระยาโกษาปาน จึงกราบทูลให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ รับสั่งให้ทหารปืนทั้งหมด เล็งยิงไปยังกลาสีเรือชายสยามทั้ง ๑๐๐ คนนั้น ..เสียงปืน ๒๐๐ กระบอก ดังสนั่นหน้าพระที่นั่ง ควันปืนอบอวลคลุ้งกระจาย ลูกกระสุนปืนทั้ง ๒๐๐ นัด มิได้ระคาย แม้ชายเสื้อทหารสยามทั้งหลาย เป็นที่อัศจรรย์ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงทรงตรัสถามเจ้าพระยาโกษาปานว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มียอดทหารเช่นนี้อีกเท่าใด? เจ้าพระยาโกษาปานกราบทูลตอบว่า ชายสยามเหล่านี้ เป็นเพียงประชาชนชาวบ้านธรรมดาทั่วๆไปที่เกณฑ์มาเป็นกลาสีเรือเท่านั้น ส่วนทหารของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้านั้นเยี่ยมยอดกว่านี้มากมาย (ความจริงแล้ว กลาสีเรือทั้ง ๑๐๐ คนนี้ คือหน่วยอาทมาต ที่ได้ศึกษาวิชาชาตรี เจนจบในตำหรับพิชัยสงครามมาเป็นอย่างดีแล้ว) …พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ตรัสสรรเสริญ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่ามีบารมีที่มีทหารหาญ ที่แกร่งกล้าและคงทนแก่ศาสตราวุธ จึงสามารถรักษาประเทศสยาม ให้เป็นเอกราชไว้ได้…

    …ธงมหาพิชัยสงครามนี้จะเป็น ธงที่ใช้ในการออกรบในสมัยพระร่วงเจ้า ได้รับชัยชนะต่อข้าศึกทั้งหลาย…

    …ภายในธง ประกอบด้วย พระบารมี แห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก…

    …ดังในยอดธง มี พุทธะสังมิ ซึ่งเป็น คำย่อของ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คัจฉามิ เป็นการสร้างความมั่นคงต่อ พระรัตนะตรัย เป็นการประกาศขอยึดเป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด …

    …ถัดมา คือ อะ สัง วิ สุ โล พุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็นคำย่อ ของพุทธคุณ อันมี ตั้งแต่ อะระหัง จนถึง ภควาติ…เป็นการนำใจที่เคารพแล้ว เข้าถึงความเป็นพุทธะ คือความสะอาด สว่าง สงบ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสสั่งและสอน…

    …ถัดมาอีกในวงกลมแต่ล่ะวง นับได้ 10วง เปรียบถึง บารมี 10 ประการ ภายในวงใหญ่ ได้อัญเชิญรูปภาพเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ตรงการภายในวงกลม คือองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นสุด รอบมีรูปองค์พระทั้ง 28พระองค์ตามปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นต้น รอบกลับบัวมี คาถาบารมี 30ทัศ ซึ่งกลับบัวเทียบเสมือนรัศมีแห่งพระพุทธคุณ พระบารมีที่แผ่กระจายปกคลุมผู้ที่ได้ครอบครอง และทั่วไปโดยรอบด้าน…

    …กล่าวโดยสรุป ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มีคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกเป็นไปตามโลกธรรมต่างๆ ส่วนในทางธรรมแล้ว เปรียบประมาณค่ามิได้ คือ การเข้าถึงไตรสรณะคมณ์ การบำเพ็ญบารมี 10 ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อละสังโยชน์ 10ประการ เป็นทางแห่ง มรรคผลพระนิพพานในที่สุด…

    … ภายในดอกบัวใหญ่ที่ปรากฏภาพพระพุทธเจ้านั้น เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 28พระองค์ กลีบบัวใหญ่บรรจุด้วยพระคาถาอาวุธพระพุทธเจ้านั่นคือ บารมี 10 ประหนึ่งว่าวงกลมทั้ง 10วงบนยันต์ ก็คือบารมี 10 นั่นเอง ที่ยอดพุ่มของธง เป็นคำย่อของบท อิติปิโสฯ และบนยอดธงบรรจุคาถา พุท ธะ สัง มิ คือคำย่อของไตรสรณาคม ในวงย่อยแต่ละวง มีคำว่า พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ด้วย ที่บัวดอกเล็กเป็นคาถา บารมี 30ทัศ บทว่า อิ ติ ปา ระ มิต ตา ติง สาฯ …

    …ยันต์นี้ไม่เพียงแต่มีชัยในทางโลกธรรม หากแต่เป็นเครื่องหมายเตือนพระโยคาวจรทั้งหลายว่า หัวใจของการชนะกิเลสทั้งปวงอาศัยบารมี 10 เป็นเครื่องประหาร เมื่อสามารถทรงบารมีทั้ง 10ประการครบถ้วน ท่านก็ชนะหมดโลก คือ ชนะกิเลสในใจของท่านทั้งหลายนั่นเอง …

    …จึงถือได้ว่าพุทธานุภาพของยันต์พิชัยสงครามนี้ เป็นคุณแก่ท่านที่มีไว้ครอบครองแท้จริง …

    …สงครามที่เหลืออยู่คือสงครามที่ท่านรบกับใจตัว ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ชนะสมดังปรารถนาเถิด…

    คาถาใช้ปลุก : *มะ อะ อุ – อุ อะ มะ – อะ มะ อุ

    แต่ถ้าไม่มี แค่ยันต์เกราะเพชรผืนเดียวพุทธานุภาพก็เกินบรรยายแล้ว

    วิธีใช้ผ้ายันต์ฯ ก่อนใช้ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์อื่นๆ สืบๆกันมา มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค – หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด แล้วปลุกด้วยคาถา ” พุท ธะ สัง มิ.

    “ผ้าธงมหาพิชัยสงครามจะมีผลประการใดบ้าง ก็ขอให้ท่านผู้ใช้ได้ทราบเอง เมื่อถึงวาระที่จำเป็น ทุกวันท่านให้อาราธนาเป็นปรกติ ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ และเวลาเย็นก่อนอาราธนาขอให้ระลึกถึงบารมีพระ พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค – หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด แล้วอาราธนาว่าดังนี้” อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึงแก่มะอะอุนี้เถิด.”

    หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส ได้เมตตาเขียนหรือถอดคาถาในยันต์ไว้ดังนี้
    อะ – อรหัง สัมมาสัมพุทโธ
    อุ – อุตตะมัง ธัมม มัชฌะคา
    มะ – มหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตังรตนัตตะยัง
    ยอดธง
    พุท-ธะ-สัง-มิ
    ย่อมาจากไตรสมณคมณ์-พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
    บนพานใต้เสาธง
    อะ สังอะ วิสังอะ สุวิสังอะ โลสุวิสังอะ ปุโลสุวิสังอะ สะปุโลสุวิสังอะ
    พุสะปุโลสุวิสังอะ ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ
    ยันต์กลม 1
    ธา ลัง ถะ ตัง มะ ติ ตะ โน ยา
    กลมดำ 2
    ล้อมด้วย
    ระมิติงสา-พัญญูมาคะ-ตาธิมนุปัตโต-โสจะเตนะโม
    แถวกลาง
    ปิ ติ โพติ อิ ติธา ติ สัพ
    ถอดพิศดารมากจาก
    อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม
    วงกลมแถว 3
    วงซ้าย นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)อนุโลม
    วงขวา นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)ปฏิโลม
    กลมแถว 4
    กลมซ้าย
    จะ ติ ยา ลัง มะ นา ธา ตัง ตะ
    กลมขวา
    ชิ ติ ยา โส มะ เต เน นา ชิ อะ เต สะ ตา สะ มะ เต ถุ ถะ ภะ สิ โล เพ วิ ติ มา ติน วะ ภะ ธา ชุ นุ นา มา ตะ นิ สะ เถ นิ รุ เม จะ

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ผืนใหญ่ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ความรู้เรื่อง ธงมหาพิชัยสงคราม

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เป็น ธงออกศึกของพระร่วง ในสมัยก่อน หลวงพ่อท่านได้ตำราการทำยันต์ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มาจาก อ.แจง ชาวสวรรคโลก ซึ่ง อ.แจงนี้ เป็น ฆราวาส แต่ทรงสมาบัติ 8 ธงมหาพิชัยสงครามนี้ หากนำทัพเข้าสู่สงครามจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ หลวงพ่อท่านเคยกรุณาบอกไว้ว่า ผืนเดียวคลุมทั้งฐาน หมายถึง ถ้ามีผ้ายันต์นี้ ผืนเดียวสามารถคุ้มครองได้ทั้งฐานทัพครับ ไม่ว่าจะสร้างเป็นค่าย หรือแค่บังเกอร์ ตัวอย่างมีให้เห็น ทหารที่เคยไปรบด้านตาพระยา น่าจะรู้ซึ้งถึง พระพุทธคุณของธงมหาพิชัยสงครามนี้ดี

    มีเกร็ดอยู่อีกหน่อยว่า หลวงพ่อท่านสั่งห้ามว่า ถ้าได้ธงผืนนี้ไปแล้ว ห้ามปลุกโดยเด็ดขาด เพราะอานุภาพสูงมาก ถ้าไปปลุกธงมหาพิชัยสงครามนี้ อาจถึงตายได้ ในตำราสมุดพระร่วงได้จารึกตำราสร้างธงมหาพิชัยสงครามนี้เเละยังรวมไปถึงวิธีการเป่ายันต์เกราะเพชรของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    ปัจจุบัน ตำรานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้ถวายให้กับในหลวงไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 แล้ว เพราะหลวงพ่อท่านเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของตระกูลพระร่วงที่สืบเขื้อสายมา ในส่วนของตำราพระร่วงนี้ ถ้าบุคคลอื่นได้ตำรานี้ไปก็ไม่สามารถทำวัตถุมงคลต่างๆได้ถึงอานุภาพสูงสุด อย่างมากก็ได้ไม่เกิน 10% เพราะท่านเจ้าของตำราคือ ท่านผกาพรหม ท่านไม่อนุญาต ดังนั้น ตามคติคนเรียนวิชาแต่โบราณ ถ้าสิ้นสุดสายการสืบทอดวิชา ถ้าจะเริ่มวิชาใหม่ต้องไปขอต่อพระเจ้าแผ่นดินให้พระเจ้าเเผ่นดินครอบครูให้ หลวงพ่อท่านทราบข้อบังคับนี้
    ท่านจึงถวายตำรานี้แด่ ในหลวง

    ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้ส่งเจ้าพระยาโกษาปาน ไปทำสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า… เมื่อเรือสำเภาอันจะเข้าสู่กรุงฝรั่งเศสนั้น จะต้องผ่านวังน้ำอันวนเชี่ยวใหญ่ เรือสินค้ามากมายถูกดูดลงสู่วังน้ำวน จมลงนับร้อย เรือสำเภาอันเจ้าพระยาโกษาปานราชทูตโดยสารมานั้น จะถูกดูดเข้าวังวน ปะขาวอาจารย์ของเจ้าพระยาโกษาปาน ได้ตั้งพิธีขึ้น ระลึกถึงพุทธานุภาพ ทำอาโปกสิณ บัดหนึ่งก็เกิดลมสลาตันยกเรือสำเภาของพระยาโกษาปาน ข้ามผ่านวังน้ำวนนั้นไปเป็นที่อัศจรรย์ พอในเวลาเที่ยง พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ทรงให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์แม่นปืนสองหมู่ หมู่หนึ่งชุดแต่งกายแดงร้อยคน หมู่หนึ่งชุดแต่งกายดำร้อยคน ตั้งกองอยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันสักสี่สิบห้าสิบวา ฝ่ายทหารชุดแต่งกายแดงทั้งร้อยคน ยิงปืนไปยังหน่วยทหารแต่งกายดำ ลูกปืนเข้าสู่ลำกล้องของทหารแต่งกายดำทั้งร้อยกระบอก พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงตรัสว่า พระเจ้าแผ่นดินสยาม มีทหารแม่นปืนเช่นนี้หรือไม่ ? เจ้าพระยาโกษาปานตอบว่า ในเมืองสยามไม่มีทหารแม่นปืนเหมือนเช่นในฝรั่งเศส เพราะอาวุธปืนไม่อาจทำอันตรายทหารสยามได้ จึงไม่มีความจำเป็นในการตั้งกองทหารปืน พระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ จึงตรัสว่า มีเหตุเช่นนั้นจริงหรือ? …เจ้าพระยาโกษาปานจึงกราบทูลตอบว่า ข้าพระพุทธเจ้า จะขอแสดงให้ทอดพระเนตรในวันพรุ่ง โดยขอให้หน่วยทหาร ทั้งชุดแดงและชุดดำ เป็นผู้ยิงปืน….ในวันรุ่งขึ้น ปะขาวได้ตั้งศาลเพียงตา แลวางสายสิญจน์รอบปักธงธวัชแล้ว ให้กลาสีเรือชายสยามทั้งร้อยเข้าไปอยู่ภายในวงรอบสายสิญจน์ มลฑลพิธี ภายนอกห่างไปสักยี่สิบวา ทหารชุดแต่งกายแดงและทหารชุดแต่งกายดำพร้อมปืนยืนรออยู่ เมื่อปะขาวผู้ทรงศีลให้สัญญาณ เจ้าพระยาโกษาปาน จึงกราบทูลให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ รับสั่งให้ทหารปืนทั้งหมด เล็งยิงไปยังกลาสีเรือชายสยามทั้ง ๑๐๐ คนนั้น ..เสียงปืน ๒๐๐ กระบอก ดังสนั่นหน้าพระที่นั่ง ควันปืนอบอวลคลุ้งกระจาย ลูกกระสุนปืนทั้ง ๒๐๐ นัด มิได้ระคาย แม้ชายเสื้อทหารสยามทั้งหลาย เป็นที่อัศจรรย์ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงทรงตรัสถามเจ้าพระยาโกษาปานว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มียอดทหารเช่นนี้อีกเท่าใด? เจ้าพระยาโกษาปานกราบทูลตอบว่า ชายสยามเหล่านี้ เป็นเพียงประชาชนชาวบ้านธรรมดาทั่วๆไปที่เกณฑ์มาเป็นกลาสีเรือเท่านั้น ส่วนทหารของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้านั้นเยี่ยมยอดกว่านี้มากมาย (ความจริงแล้ว กลาสีเรือทั้ง ๑๐๐ คนนี้ คือหน่วยอาทมาต ที่ได้ศึกษาวิชาชาตรี เจนจบในตำหรับพิชัยสงครามมาเป็นอย่างดีแล้ว) …พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ตรัสสรรเสริญ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่ามีบารมีที่มีทหารหาญ ที่แกร่งกล้าและคงทนแก่ศาสตราวุธ จึงสามารถรักษาประเทศสยาม ให้เป็นเอกราชไว้ได้…

    …ธงมหาพิชัยสงครามนี้จะเป็น ธงที่ใช้ในการออกรบในสมัยพระร่วงเจ้า ได้รับชัยชนะต่อข้าศึกทั้งหลาย…

    …ภายในธง ประกอบด้วย พระบารมี แห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก…

    …ดังในยอดธง มี พุทธะสังมิ ซึ่งเป็น คำย่อของ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คัจฉามิ เป็นการสร้างความมั่นคงต่อ พระรัตนะตรัย เป็นการประกาศขอยึดเป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด …

    …ถัดมา คือ อะ สัง วิ สุ โล พุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็นคำย่อ ของพุทธคุณ อันมี ตั้งแต่ อะระหัง จนถึง ภควาติ…เป็นการนำใจที่เคารพแล้ว เข้าถึงความเป็นพุทธะ คือความสะอาด สว่าง สงบ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสสั่งและสอน…

    …ถัดมาอีกในวงกลมแต่ล่ะวง นับได้ 10วง เปรียบถึง บารมี 10 ประการ ภายในวงใหญ่ ได้อัญเชิญรูปภาพเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ตรงการภายในวงกลม คือองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นสุด รอบมีรูปองค์พระทั้ง 28พระองค์ตามปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นต้น รอบกลับบัวมี คาถาบารมี 30ทัศ ซึ่งกลับบัวเทียบเสมือนรัศมีแห่งพระพุทธคุณ พระบารมีที่แผ่กระจายปกคลุมผู้ที่ได้ครอบครอง และทั่วไปโดยรอบด้าน…

    …กล่าวโดยสรุป ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มีคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกเป็นไปตามโลกธรรมต่างๆ ส่วนในทางธรรมแล้ว เปรียบประมาณค่ามิได้ คือ การเข้าถึงไตรสรณะคมณ์ การบำเพ็ญบารมี 10 ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อละสังโยชน์ 10ประการ เป็นทางแห่ง มรรคผลพระนิพพานในที่สุด…

    … ภายในดอกบัวใหญ่ที่ปรากฏภาพพระพุทธเจ้านั้น เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 28พระองค์ กลีบบัวใหญ่บรรจุด้วยพระคาถาอาวุธพระพุทธเจ้านั่นคือ บารมี 10 ประหนึ่งว่าวงกลมทั้ง 10วงบนยันต์ ก็คือบารมี 10 นั่นเอง ที่ยอดพุ่มของธง เป็นคำย่อของบท อิติปิโสฯ และบนยอดธงบรรจุคาถา พุท ธะ สัง มิ คือคำย่อของไตรสรณาคม ในวงย่อยแต่ละวง มีคำว่า พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ด้วย ที่บัวดอกเล็กเป็นคาถา บารมี 30ทัศ บทว่า อิ ติ ปา ระ มิต ตา ติง สาฯ …

    …ยันต์นี้ไม่เพียงแต่มีชัยในทางโลกธรรม หากแต่เป็นเครื่องหมายเตือนพระโยคาวจรทั้งหลายว่า หัวใจของการชนะกิเลสทั้งปวงอาศัยบารมี 10 เป็นเครื่องประหาร เมื่อสามารถทรงบารมีทั้ง 10ประการครบถ้วน ท่านก็ชนะหมดโลก คือ ชนะกิเลสในใจของท่านทั้งหลายนั่นเอง …

    …จึงถือได้ว่าพุทธานุภาพของยันต์พิชัยสงครามนี้ เป็นคุณแก่ท่านที่มีไว้ครอบครองแท้จริง …

    …สงครามที่เหลืออยู่คือสงครามที่ท่านรบกับใจตัว ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ชนะสมดังปรารถนาเถิด…

    คาถาใช้ปลุก : *มะ อะ อุ – อุ อะ มะ – อะ มะ อุ

    แต่ถ้าไม่มี แค่ยันต์เกราะเพชรผืนเดียวพุทธานุภาพก็เกินบรรยายแล้ว

    วิธีใช้ผ้ายันต์ฯ ก่อนใช้ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์อื่นๆ สืบๆกันมา มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค – หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด แล้วปลุกด้วยคาถา ” พุท ธะ สัง มิ.

    “ผ้าธงมหาพิชัยสงครามจะมีผลประการใดบ้าง ก็ขอให้ท่านผู้ใช้ได้ทราบเอง เมื่อถึงวาระที่จำเป็น ทุกวันท่านให้อาราธนาเป็นปรกติ ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ และเวลาเย็นก่อนอาราธนาขอให้ระลึกถึงบารมีพระ พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค – หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด แล้วอาราธนาว่าดังนี้” อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึงแก่มะอะอุนี้เถิด.”

    หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส ได้เมตตาเขียนหรือถอดคาถาในยันต์ไว้ดังนี้
    อะ – อรหัง สัมมาสัมพุทโธ
    อุ – อุตตะมัง ธัมม มัชฌะคา
    มะ – มหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตังรตนัตตะยัง
    ยอดธง
    พุท-ธะ-สัง-มิ
    ย่อมาจากไตรสมณคมณ์-พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
    บนพานใต้เสาธง
    อะ สังอะ วิสังอะ สุวิสังอะ โลสุวิสังอะ ปุโลสุวิสังอะ สะปุโลสุวิสังอะ
    พุสะปุโลสุวิสังอะ ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ
    ยันต์กลม 1
    ธา ลัง ถะ ตัง มะ ติ ตะ โน ยา
    กลมดำ 2
    ล้อมด้วย
    ระมิติงสา-พัญญูมาคะ-ตาธิมนุปัตโต-โสจะเตนะโม
    แถวกลาง
    ปิ ติ โพติ อิ ติธา ติ สัพ
    ถอดพิศดารมากจาก
    อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม
    วงกลมแถว 3
    วงซ้าย นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)อนุโลม
    วงขวา นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)ปฏิโลม
    กลมแถว 4
    กลมซ้าย
    จะ ติ ยา ลัง มะ นา ธา ตัง ตะ
    กลมขวา
    ชิ ติ ยา โส มะ เต เน นา ชิ อะ เต สะ ตา สะ มะ เต ถุ ถะ ภะ สิ โล เพ วิ ติ มา ติน วะ ภะ ธา ชุ นุ นา มา ตะ นิ สะ เถ นิ รุ เม จะ

    Read more
  • ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์

    ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม รุ่นแรก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม รุ่นนี้หลวงพ่อทำแจกครั้งแรกพร้อมแผ่นแนบ เดิมๆจากวัด ซึ่งเป็นยันต์ที่อยู่บนยอดธงออกรบสมัยโบราณ ตำราวิชานี้เป็นตำราพระร่วงที่หลวงพ่อเราสืบทอดมาเป็นท่านสุดท้าย..ถึงแม้ท่านอื่นนำไปทำผลมากที่สุดจะแค่ 10% เท่านั้น ท่านบอกไว้

    เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้

    ๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย
    ๒. ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย
    ๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
    ๔. เวลาทำพิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้
    ๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย
    มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย

    *************************************************************

    ในสมัยนั้นผกค.มีอิทธิพลสูง ได้ยึดเทือกเขาภูพานเป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า หากจะตีเขาได้จะต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ พล.ต. ยุทธศิลป์ เกสรสุข (ยศในขณะนั้นปัจจุบันมียศพล.ท.) ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ จึงนำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเป็นพระ จะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านก็มีวิธีช่วยเป็นกำลังใจให้กับทหารได้ดังนี้

    ๑. ท่านเดินทางไปพร้อมกับคณะ เพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อนที่ฐานทัพของทหาร

    ๒. แจกผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้นทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)

    ๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีกันรบกัน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรกันนั้น พระท่านต้องอุเบกขา

    ผมจำได้ว่า หลวงพ่อทำพิธีตั้งแต่เช้ามาก เพราะจากรูปถ่ายที่ นาวาตรีประชา สิกขวานิช ร.น.ถ่ายไว้ ปรากฏพุทธนิมิตเป็นฉัตร ๕ ชั้น ทอดมาตามแสงแดดครอบคลุมองค์หลวงพ่อเท่านั้น ยังทำมุมน้อยมาก (มีรูปถ่ายอยู่ที่บ้านสายลม และที่วัดท่าซุง) หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ เพื่อฟังบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร

    เมื่อบรรยายจบ ปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาด ถามได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้พวกผกค.เขาอยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอาไม้เท้าช่วยชี้ไปในแผนที่ทหาร ปรากฏว่าท่านชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิดหรือต้องเสียเวลา เหล่าทหารต่างร้องอือพร้อม ๆ กันหลายคน และบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางคนไม่ฉลาดถามก็ถามวิธีเข้าโจมตี หลวงพ่อท่านก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์

    ส่วนวิธีถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ จากนั้นก็คุยกันในเรื่องอื่น ๆ ผมฟังไป ๆ คงจะตื่นเต้นมาก เลยเกิดทุกข์หนัก ต้องขอตัวขอเวลานอกไปพิจารณาทุกข์ที่ห้องสุขา และผมคงจะพิจารณาทุกข์ ขณะกำลังบรรเทาทุกข์แล้วมีผล คือ เห็นอริยสัจ เพราะธรรมะของพระองค์ท่านแนะนำวิธีปฏิบัติไว้ชัดว่า ให้ปฏิบัติ ตลอดเวลาทุกเวลา ทุกโอกาส ทุกสถานที่ และทุกอิริยาบถ คือ เป็นอกาลิโก

    ผมก็ปฏิบัติตามท่านอย่างเพลิดเพลิน พอจบภารกิจส่วนตัวของผมแล้ว ก็ออกมารีบเดินเข้าห้องยุทธการ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว ชักใจไม่ดีรีบวิ่งออกมาข้างนอก ก็ปรากฏว่ารถหลวงพ่อและคณะหายไป ไม่พบใครสักคนเลย หันรีหันขวางอยู่ บังเอิญมีนายทหารท่านหนึ่งท่านจำผมได้ เห็นผมจึงถามว่าคุณมากับหลวงพ่อใช่ไหม ผมก็ตอบว่าใช่ครับ

    ทหารผู้นั้นก็บอกว่าหลวงพ่อกับคณะไปนานแล้ว คุณไปอยู่ที่ไหนมา ก็ตอบไปว่าอยู่ในห้องน้ำครับ ท้องมันไม่ค่อยดี ขณะนั้นผมเองรู้สึกเง็งไปหมด (ไม่ใช่งง เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เกินกว่างง) แต่เคราะห์ยังดีที่ นายทหารท่านนั้นช่วยแก้สถานการณ์ให้ทันควัน โดยส่งรถจิ๊ปเล็ก พร้อมคนขับให้ผมกระโดดขึ้นพร้อมกับท่านรีบบึ่งตามคณะหลวงพ่อไปจนทัน การปฏิบัติธรรมของผมเป็นที่ครื้นเครงของพวกเราทุก ๆ คนที่ได้หัวเราะกันจนฉี่จะออก

    หลังจากที่หลวงพ่อและคณะได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหารตามหน่วยต่าง ๆ แล้วก็กลับไปกทม. และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พล.ต.ยุทธศิลป์ ก็สั่งทหารแค่หนึ่งกองร้อยเข้าโจมตีที่มั่นของผกค.เป็นการหยั่งเชิง โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่ข้างบนเครื่องบิน ผลปรากฏว่าดีมากเกินคาดหมาย แต่มีรายงานจากวิทยุว่ามี ทหารเสียชีวิต ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร เพราะท่านมั่นใจว่า ทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น

    จึงสั่งลงมาจากเครื่องบินให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบอะไรติดตัวบ้าง โดยเฉพาะผ้ายันต์แดง ธงมหาพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่าไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมากที่เขาไม่พกเอาผ้ายันต์แดงแดงไปด้วยทั้ง ๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวกลับฐานทัพ ก็สอบข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์สีแดง ก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามาเมื่อวานนี้เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ.ปากห่อ) ท่านจึงถึงบางอ้อ

    วันที่ สอง ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็นสองกองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุจากไม่มีผ้ายันต์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่นความลับไม่มีในโลกทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าวรู้อิทธิปาฏิหาริย์ของผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามกันหมด ผลก็คือ ทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์ สีแดง จะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ ดังนั้น เพื่อขวัญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้นเพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุกคน

    วันที่ ๓ ทุกคนมีขวัญและกำลังใจเต็ม ๑๐๐% ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่าสามารถยึดฐานใหญ่และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมดชนิดที่ผกค. ขวัญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี้ทหารทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใครยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อ ๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยเวลาอันสั้น และไม่มีใครเสียชีวิตเลย

    ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็นผกค. ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใดก็ไม่โดนตัว หรือโดนก็ไม่เข้าคงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่ทำจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผน ท่านเป็นแม่ทัพเสกหุ่นให้เป็นทหารรบที่ไหนก็ชนะหมด) พอหลวงพ่อท่านทราบข่าวจากท่านรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้นในวันต่อมา

    หลังจากได้คุยกับทหารหน่วยพิเศษนี้แล้ว ผมพอจะสรุปผลย่อ ๆ ได้ดังนี้
    ๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค.ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญ่บอกว่าไม่โดนแต่เฉี่ยวหรือเฉียดตัวไป รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งมาเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว

    ๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้าย ๆ มีแมลงหรือผึ้งบินมาชนตัวเท่านั้น

    ๓. มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่าว่าขณะที่เดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิ่งปืนใส่ข้าศึกบ้าง รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่แปลกใจว่าทำไมมาม่ามันถึงแข็งและเหนี่ยวนัก เลยคายออกมาจากปากดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่ข้าศึกยิงมาโดนตัวแต่ไม่เข้า ลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่

    ๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้น บางครั้งก็มองเห็นข้าศึกที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง เห็นตามันค้างคล้ายกับหุ่นหรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารณ์ว่าคงเป็นอานุภาพของผ้ายันต์แดง ทำให้เกิดอาการ “ นะจังงัง ” ขึ้น หรือเพราะมันตกใจจริง ๆ ที่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่ยอมหลบลูกปืน จึงมีสภาพคล้ายเห็นผี แล้วตกใจตาค้าง

    ๕. เรายึดได้ฐานใหญ่มาก จนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้มีทั้งร.พ.และเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพละศึกษา, สนามบาส, โรงครัวขนาดใหญ่พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี, อาวุธมากมาย, เครื่องปั่นไฟและน้ำมัน โดยเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองแม่ทัพบอกว่าต้องใส่รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด แสดงว่ามันมีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ใช้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่มานานหลายปี

    ๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากจะยึดพื้นที่ไว้ก็เสี่ยงเกินไปเพราะตอนกลางคืน มันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็นผกค. ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ ๆ เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก

    ๗. เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นตันมา ผกค.ก็หายซ่าไปเลย

    เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมาก ยากที่ผมจะเล่าให้ฟังหมดได้ และโดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไป ผลมันแทนที่จะมากตามส่วนกลับไม่ได้ผลหรือกลับเป็นผลเสีย เช่น ยาทุกชนิด หากใช้เกินขนาดล้วนเป็นโทษแก่ผู้ใช้ทั้งสิ้น ร่างกายของคนก็เช่นกัน หากส่วนใดเจริญมากไป ก็กลายเป็นมะเร็ง สมจริงตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ใน “ปฐมเทศนา” ความว่าอย่าตึงไป (เครียดเกินไป) อย่าหย่อนไป (อยากมากเกินไป,ขี้เกียจมากไป) จะไม่มี

    ผล ให้เดินสายกลาง ผมจึงต้องขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้

    แต่ก่อนจะจบขอสรุป เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้

    ๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น

    ๒.ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย

    ๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)

    ๔. เวลาทำ พิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้

    ๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย
    มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย…สาธุ
    :เหตุการณ์ระหว่างปี ๒๕๑๘-๒๕๒๐ เล่าโดยพล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามพร้อมธงชาติ 20×30นิ้ว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ก่อนใช้ธงมหาพิชัยสงคราม ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์สืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด แล้วปลุกด้วยคาถา “พุท ธะ สัง มิ”

    แบบเย็บติดกับธงชาติ จะมีอยู่ด้วยกัน 3ขนาด คือ
    1) ขนาดผืนใหญ่ 20×30นิ้ว
    2) ขนาดผืนกลาง 8×11นิ้ว
    3) ขนาดผืนเล็ก 4.25×7นิ้ว

    **********************************************************************

    เรื่องเล่าอานุภาพ ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม

    ในสมัยนั้นผกค.มีอิทธิพลสูง ได้ยึดเทือกเขาภูพานเป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า หากจะตีเขาได้จะต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ พล.ต.ยุทธศิลป์ เกสรสุข (ยศในขณะนั้นปัจจุบันมียศพล.ท.) ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ จึงนำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเป็นพระ จะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านก็มีวิธีช่วยเป็นกำลังใจให้กับทหารได้ดังนี้

    ๑. ท่านเดินทางไปพร้อมกับคณะ เพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อนที่ฐานทัพของทหาร
    ๒. แจกผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้นทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)
    ๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีกันรบกัน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรกันนั้น พระท่านต้องอุเบกขา

    ผมจำได้ว่า หลวงพ่อทำพิธีตั้งแต่เช้ามาก เพราะจากรูปถ่ายที่ นาวาตรีประชา สิกขวานิช ร.น.ถ่ายไว้ ปรากฏพุทธนิมิตเป็นฉัตร ๕ ชั้น ทอดมาตามแสงแดดครอบคลุมองค์หลวงพ่อเท่านั้น ยังทำมุมน้อยมาก (มีรูปถ่ายอยู่ที่บ้านสายลม และที่วัดท่าซุง) หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ เพื่อฟังบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร เมื่อบรรยายจบปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาดถามได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้พวกผกค.เขาอยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอาไม้เท้าช่วยชี้ไปในแผนที่ทหาร ปรากฏว่าท่านชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิดหรือต้องเสียเวลา เหล่าทหารต่างร้องอือพร้อม ๆ กันหลายคน และบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางคนไม่ฉลาดถามก็ถามวิธีเข้าโจมตี หลวงพ่อท่านก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนวิธีถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ จากนั้นก็คุยกันในเรื่องอื่น ๆ ผมฟังไป ๆ คงจะตื่นเต้นมาก เลยเกิดทุกข์หนัก ต้องขอตัวขอเวลานอกไปพิจารณาทุกข์ที่ห้องสุขา และผมคงจะพิจารณาทุกข์ ขณะกำลังบรรเทาทุกข์แล้วมีผล คือ เห็นอริยสัจ เพราะธรรมะของพระองค์ท่านแนะนำวิธีปฏิบัติไว้ชัดว่าให้ปฏิบัติตลอดเวลาทุกเวลา ทุกโอกาส ทุกสถานที่ และทุกอิริยาบถ คือ เป็นอกาลิโก ผมก็ปฏิบัติตามท่านอย่างเพลิดเพลิน พอจบภารกิจส่วนตัวของผมแล้ว ก็ออกมารีบเดินเข้าห้องยุทธการ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว ชักใจไม่ดีรีบวิ่งออกมาข้างนอก ก็ปรากฏว่ารถหลวงพ่อและคณะหายไป ไม่พบใครสักคนเลย หันรีหันขวางอยู่ บังเอิญมีนายทหารท่านหนึ่งท่านจำผมได้ เห็นผมจึงถามว่าคุณมากับหลวงพ่อใช่ไหม ผมก็ตอบว่าใช่ครับ ทหารผู้นั้นก็บอกว่าหลวงพ่อกับคณะไปนานแล้ว คุณไปอยู่ที่ไหนมา ก็ตอบไปว่าอยู่ในห้องน้ำครับ ท้องมันไม่ค่อยดี ขณะนั้นผมเองรู้สึกเง็งไปหมด (ไม่ใช่งง เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เกินกว่างง) แต่เคราะห์ยังดีที่ นายทหารท่านนั้นช่วยแก้สถานการณ์ให้ทันควัน โดยส่งรถจิ๊ปเล็ก พร้อมคนขับให้ผมกระโดดขึ้นพร้อมกับท่านรีบบึ่งตามคณะหลวงพ่อไปจนทัน การปฏิบัติธรรมของผมเป็นที่ครื้นเครงของพวกเราทุก ๆ คนที่ได้หัวเราะกันจนฉี่จะออก

    หลังจากที่หลวงพ่อและคณะได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหารตามหน่วยต่าง ๆ แล้วก็กลับไปกทม. และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พล.ต.ยุทธศิลป์ ก็สั่งทหารแค่หนึ่งกองร้อยเข้าโจมตีที่มั่นของผกค.เป็นการหยั่งเชิง โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่ข้างบนเครื่องบิน ผลปรากฏว่าดีมากเกินคาดหมาย แต่มีรายงานจากวิทยุว่ามี ทหารเสียชีวิต ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร เพราะท่านมั่นใจว่า ทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น จึงสั่งลงมาจากเครื่องบินให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบอะไรติดตัวบ้าง โดยเฉพาะผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่าไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมากที่เขาไม่พกเอาผ้ายันต์แดงแดงไปด้วยทั้ง ๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวกลับฐานทัพ ก็สอบข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์สีแดง ก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามาเมื่อวานนี้เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ.ปากห่อ) ท่านจึงถึงบางอ้อ

    วันที่สอง ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็นสองกองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุจากไม่มีผ้ายันต์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่นความลับไม่มีในโลกทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าวรู้อิทธิปาฏิหาริย์ของผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามกันหมด ผลก็คือ ทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์ สีแดง จะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ ดังนั้น เพื่อขวัญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้นเพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุกคน

    วันที่ ๓ ทุกคนมีขวัญและกำลังใจเต็ม ๑๐๐% ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่าสามารถยึดฐานใหญ่และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมดชนิดที่ผกค. ขวัญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี้ทหารทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใครยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อ ๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยเวลาอันสั้น และไม่มีใครเสียชีวิตเลย ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็นผกค. ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใดก็ไม่โดนตัว หรือโดนก็ไม่เข้าคงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่ทำจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผน ท่านเป็นแม่ทัพเสกหุ่นให้เป็นทหารรบที่ไหนก็ชนะหมด) พอหลวงพ่อท่านทราบข่าวจากท่านรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้นในวันต่อมา

    หลังจากได้คุยกับทหารหน่วยพิเศษนี้แล้ว ผมพอจะสรุปผลย่อ ๆ ได้ดังนี้
    ๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค.ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญ่บอกว่าไม่โดนแต่เฉี่ยวหรือเฉียดตัวไป รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งมาเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว
    ๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้าย ๆ มีแมลงหรือผึ้งบินมาชนตัวเท่านั้น
    ๓. มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่าว่าขณะที่เดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิ่งปืนใส่ข้าศึกบ้าง รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่แปลกใจว่าทำไมมาม่ามันถึงแข็งและเหนี่ยวนัก เลยคายออกมาจากปากดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่ข้าศึกยิงมาโดนตัวแต่ไม่เข้า ลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่
    ๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้น บางครั้งก็มองเห็นข้าศึกที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง เห็นตามันค้างคล้ายกับหุ่นหรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารณ์ว่าคงเป็นอานุภาพของผ้ายันต์แดง ทำให้เกิดอาการ นะจังงังขึ้น หรือเพราะมันตกใจจริง ๆ ที่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่ยอมหลบลูกปืน จึงมีสภาพคล้ายเห็นผี แล้วตกใจตาค้าง
    ๕. เรายึดได้ฐานใหญ่มากจนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้มีทั้งร.พ.และเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพละศึกษา, สนามบาส, โรงครัวขนาดใหญ่พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี, อาวุธมากมาย, เครื่องปั่นไฟและน้ำมัน โดยเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองแม่ทัพบอกว่าต้องใส่รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด แสดงว่ามันมีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ใช้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่มานานหลายปี
    ๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากจะยึดพื้นที่ไว้ก็เสี่ยงเกินไปเพราะตอนกลางคืน มันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็นผกค. ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ ๆ เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก
    ๗. เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นตันมา ผกค.ก็หายซ่าไปเลย

    เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมาก ยากที่ผมจะเล่าให้ฟังหมดได้ และโดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไป ผลมันแทนที่จะมากตามส่วนกลับไม่ได้ผลหรือกลับเป็นผลเสีย เช่น ยาทุกชนิด หากใช้เกินขนาดล้วนเป็นโทษแก่ผู้ใช้ทั้งสิ้น ร่างกายของคนก็เช่นกัน หากส่วนใดเจริญมากไป ก็กลายเป็นมะเร็ง สมจริงตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ใน ปฐมเทศนาความว่าอย่าตึงไป (เครียดเกินไป) อย่าหย่อนไป (อยากมากเกินไป,ขี้เกียจมากไป) จะไม่มีผล ให้เดินสายกลาง ผมจึงต้องขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้ แต่ก่อนจะจบ ขอสรุปเรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงครามไว้ เพื่อเตือนความจำ ดังนี้

    ๑. ความศักดิ์สิทธิ์ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น
    ๒. ผู้นำไปใช้หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจรปล้น-ฆ่าเขา-ขโมยเขา ธงนี้จะไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิงลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุออกท้ายทอยทุกราย
    ๓. ธงมหาพิชัยสงครามไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
    ๔. เวลาทำพิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงครามกับผ้ายันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกันทุกประการ ใช้แทนกันได้
    ๕. เรื่องป้องกันหรือบรรเทาอุบัติเหตุไฟไหม้บ้าน, พายุใหญ่ หรือวาตภัย มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่ที่ความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย…สาธุ

    :เหตุการณ์ระหว่างปี ๒๕๑๘-๒๕๒๐ เล่าโดยพล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวนคัดบางตอนจากหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามพร้อมธงชาติ 4.25×7นิ้ว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ก่อนใช้ธงมหาพิชัยสงคราม ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์สืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด แล้วปลุกด้วยคาถา “พุท ธะ สัง มิ”

    แบบเย็บติดกับธงชาติ จะมีอยู่ด้วยกัน 3ขนาด คือ
    1) ขนาดผืนใหญ่ 20×30นิ้ว
    2) ขนาดผืนกลาง 8×11นิ้ว
    3) ขนาดผืนเล็ก 4.25×7นิ้ว

    **********************************************************************

    สำหรับท่านที่ไม่ธงมหาพิชัยสงครามที่เย็บติดกับธงชาติแบบเดิมๆจากวัด แล้วหาไม่ได้..ต้องการจะทำเองบ้าง มีวิธีเย็บธงยันต์มหาพิชัยสงครามกับธงชาติ ดังนี้

    ให้ซื้อเข็มกับด้ายมาใหม่ (ไม่ให้ใช้ของเก่า) เวลาเย็บให้ภาวนาว่า “พุทธะสังมิ” ไปเรื่อยๆจนเย็บเสร็จ ส่วนเข็มกับด้ายเมื่อเย็บเสร็จแล้วให้เอาไปลอยน้ำ ห้ามนำเอามาใช้เย็บอย่างอื่นอีก

    วิธีใช้
    ตื่นเช้าล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปยืนที่ระเบียงห้องหรือที่โล่ง จุดธูป 7 ดอก ตั้งนะโม 3จบ แล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขอกราบนมัสการองค์ท้าวมหาราชทั้ง 4 และบริวารทั้งหมดของท่าน ขอบารมีท่านท้าวมหาราชทั่้ง 4 และบริวารทั้งหมดของท่าน ได้โปรดช่วยให้
    1. ข้าพเจ้าแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง
    2. ขอให้มีความคล่องตัวทุกประการ
    3. ขอให้นึกรู้ในสิ่งที่ควรรู้
    4. ขอให้ศัตรูที่คิดร้ายจงพินาศโดยฉับพลัน
    แล้ว่าบท “สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ” (พูดออกเสียง 7 จบ)
    ต่อด้วย “อิทธิ ฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุหนี้เถิด สาธุ” (คาถาของหลวงพ่อ เวลาจวนตัวคิดอะไรไม่ออก ให้ท่องคาถานี้ ท้าวมหาราชทั้ง 4และบริวาร จะเมตตาช่วยเรา)

    Read more
  • ๔. เครื่องราง ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์

    ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามพร้อมธงชาติ 8×11นิ้ว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ก่อนใช้ธงมหาพิชัยสงคราม ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์สืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด แล้วปลุกด้วยคาถา “พุท ธะ สัง มิ”

    แบบเย็บติดกับธงชาติ จะมีอยู่ด้วยกัน 3ขนาด คือ
    1) ขนาดผืนใหญ่ 20×30นิ้ว
    2) ขนาดผืนกลาง 8×11นิ้ว
    3) ขนาดผืนเล็ก 4.25×7นิ้ว

    **********************************************************************

    สำหรับท่านที่ไม่ธงมหาพิชัยสงครามที่เย็บติดกับธงชาติแบบเดิมๆจากวัด แล้วหาไม่ได้..ต้องการจะทำเองบ้าง มีวิธีเย็บธงยันต์มหาพิชัยสงครามกับธงชาติ ดังนี้

    ให้ซื้อเข็มกับด้ายมาใหม่ (ไม่ให้ใช้ของเก่า) เวลาเย็บให้ภาวนาว่า “พุทธะสังมิ” ไปเรื่อยๆจนเย็บเสร็จ ส่วนเข็มกับด้ายเมื่อเย็บเสร็จแล้วให้เอาไปลอยน้ำ ห้ามนำเอามาใช้เย็บอย่างอื่นอีก

    วิธีใช้
    ตื่นเช้าล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปยืนที่ระเบียงห้องหรือที่โล่ง จุดธูป 7 ดอก ตั้งนะโม 3จบ แล้วอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าขอกราบนมัสการองค์ท้าวมหาราชทั้ง 4 และบริวารทั้งหมดของท่าน ขอบารมีท่านท้าวมหาราชทั่้ง 4 และบริวารทั้งหมดของท่าน ได้โปรดช่วยให้
    1. ข้าพเจ้าแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง
    2. ขอให้มีความคล่องตัวทุกประการ
    3. ขอให้นึกรู้ในสิ่งที่ควรรู้
    4. ขอให้ศัตรูที่คิดร้ายจงพินาศโดยฉับพลัน
    แล้ว่าบท “สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ” (พูดออกเสียง 7 จบ)
    ต่อด้วย “อิทธิ ฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุหนี้เถิด สาธุ” (คาถาของหลวงพ่อ เวลาจวนตัวคิดอะไรไม่ออก ให้ท่องคาถานี้ ท้าวมหาราชทั้ง 4และบริวาร จะเมตตาช่วยเรา)

    Read more
  • ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์

    ผ้ายันต์ธงเขียวท่านปู่พระอินทร์ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    หลวงพ่อท่านกล่าวถึงผ้ายันต์เขียวผ้ายันต์แดงนี้ไว้ว่า ทำขึ้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทหารที่เข้าสงครามโดยเฉพาะ แต่ไม่รับรองในด้านคงกระพันชาตรี ท่านเจ้าของยันต์รับรองว่าจะไม่ตายโหง ถ้าเคราะห์ร้ายจริง ๆ จะยอมให้แค่เสียเลือดแต่กระดูกจะไม่หัก ถ้าถึงที่ตาย จะให้กลับมาตายที่บ้าน ท่านผู้รับไปจะต้องใช้ในเมื่อความจำเป็นบังคับเท่านั้น เช่น ต้องรบเพื่อป้องกันประเทศชาติ หรือป้องกันทรัพย์สมบัติ และชีวิตเมื่อถูกรุกราน ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ผ้ายันต์นี้จะไม่ให้ผลแด่ท่านเลย

    ประโยชน์จากผ้ายันต์
    ๑. ผ้ายันต์สีแดง (ธงท่านท้าวมหาชมภู) มีไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุ และโรคระบาดต่าง ๆ เช่น ไข้ป่า เป็นต้น อันตรายจะมีแด่ท่านผู้มียันต์นี้อย่างมากก็เพียงเนื้อแตก หนังแตก จะไม่มีอันตรายถึงกระดูกหัก หรือสิ้นชีวิตในระหว่างที่ ยังไม่ถึงอายุขัย

    ๒. ผ้ายันต์สีเขียว (ธงพระอินทร์) จะช่วยคุ้มครองหมู่คณะที่ร่วมปฏิบัติงานร่วมกัน ถ้าเขาเหล่านั้นต้องการให้คุ้มครอง
    อาราธนา การอาราธนาขอให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และครูอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา จนถึงหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และท่านเจ้าของธงเป็นที่สุด แล้วให้อธิษฐานตามที่ตนปราถนา (หมายถึงการคุ้มครอง) ไม่ใช่ขอหวย เมื่ออธิษฐานแล้วให้ปลุกด้วยคาถาปลุกของคนทั่วไปของหลวงพ่อปาน ว่าดังต่อไปนี้

    คาถาปลุก

    “อิทธิฤทธิ์ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุนี้ด้วยเถิด”

    ผ้านี้ทำเพียงหนึ่งพันชุด และแจกในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๒ ซึ่งตรงกับ เดือนห้า ขึ้นห้าค่ำ วันเสาร์ เป็นวันไหว้ครู

    ******************************************

    ผ้ายันต์ธงเขียวท่านปู่พระอินทร์จะมีอยู่ด้วยกัน 2พิมพ์ มีข้อแตกต่างกันตรงที่มียันต์ คล้ายตัว ย ในกรอบสามเหลี่ยมเพิ่มขึ้นมา

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงแดง – ธงเขียว จารมือโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    หลวงพ่อท่านนำผ้าแดง – ผ้าเขียว มาตัดทำเป็นยันต์ธง จารลงอักขระยันต์ สร้างในยุคแรกๆ ก่อนที่จะทำเป็นแบบปั๊มหมึกยันต์เป็น ธงแดงท้าวมหาชมภู-ธงเขียวท่านปู่พระอินทร์ ในคราวต่อๆมา 2ผืนนี้เป็นแบบเนื้อผ้าบาง

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์ธงแดง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    หลวงพ่อท่านสร้างสมัยที่ท่านยังอยู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อปี 2508 พุทธคุณ..อธิฐานได้ตามปรารถนา ใช้ต้มกินแก้ท้องเดินชงัดนัก พระมงคลชัยสิทธิ์ (หลวงพ่อสำราญ) ใช้เป็นองค์แรก เมื่อหลวงพ่อแจกยันต์นี้ครั้งแรกที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า มีผู้เอาไปลองยิงหลังวัด ปรากฏว่าถ้าเล็งตรงยันต์ยิงไม่ออก ถ้าเล็งไปทางอื่นจึงยิงออก จึงมีผู้เข้าแถวขอธงจนหมดในงานนั้นเอง สร้างจำนวนไม่มากนัก

    Read more
  • ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์

    ผ้ายันต์ม่วง กรมหลวงชุมพร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ยันต์เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพร (พุทธะฤๅชา ธัมมะฤๅชา สังฆฤๅชา) ตัวผ้าเป็นสีม่วง มีขนาด 10×10ซม. อีกหนึ่งรายการธงที่หายากของหลวงพ่อ นิมนต์จากบ้านลูกศิษย์ก้นกุฎิ

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์มหาราชสีห์ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ปลุกเสก)

    หลวงพี่จง (อดีตพระลูกวัดท่าซุงในสมัยนั้น) ได้กราบเรียนขออนุญาตพระเดชพระคุณหลวงพ่อสร้างผ้ายันต์ โดยเอาผ้ายันต์ราชสีห์ ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา มาเป็นต้นแบบ หลังจากที่หลวงพ่อท่านอนุญาต หลวงพี่จงท่านก็ให้หลวงพี่สามารถในสมัยนั้น (ได้ลาสิขา และปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้ว) ที่มีความถนัดในด้านนี้ช่วยทำบล็อคสกีน ทำออกมามีอยู่ด้วยกัน 3สี คือ สีเหลือง สีขาว และสีแดง เข้าพิธีพุทธาภิเษกที่พระอุโบสถ วัดท่าซุง ราวๆปี 26-27

    พุทธคุณจะเด่นไปในทางมหาอำนาจ แคล้วคลาด คงกระพัน ป้องกันภูตผีปีศาจ

    เรื่องเล่าจากศิษย์ใกล้ชิดที่ได้รับแจกผ้ายันต์จากหลวงพ่อ
    ท่านเล่าว่า…หลวงพ่อได้กล่าวไว้ว่าผ้ายันต์ผืนนี้ ใครมีไว้บูชา ติดไว้ที่บ้าน ป้องกันทุกอย่าง ไปปลูกบ้านในป่าช้ายังได้เลย

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการสร้างพระอุโบสถ วัดจันทาราม ปี18 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    เป็นผ้ายันต์ตราธรรมจักร ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็น ” อนุสรณ์ในการสร้างพระอุโบสถและศาลากรรมฐาน วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) ถวายกุศลแด่ พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน สุทธาวงษ์) วัดบางนมโค เนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ปีเกิด พ.ศ.๒๕๑๘ ”

    เนื้อผ้ายันต์และลายหมึกปั้มเก่าได้อายุ สมบัติพ่อให้อีกหนึ่งชิ้นที่ไม่มีให้เห็นกัน

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค รุ่นแรก ปี2474

    ผ้ายันต์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านทำแจกครั้งแรกใน ปี2474 ในปีที่ท่านรับสมณศักดิ์ “พระครูวิหารกิจจานุการ” เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนความกตัญญูของเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลาย ที่มาแสดงความยินดีและสรงน้ำท่าน โดยจารึกไว้ที่ใต้อาสนะของท่านในรูปว่า “พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน) วัดบางนมโค อำเภอเสนา อยุธยา” ผ้าที่ใช้ทำเป็นผ้าขาวและใช้หมึกแดงพิมพ์ ผืนนี้เก่าทันยุค สภาพเดิมๆ

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์เกราะเพชร รุ่นแรก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    การเป่ายันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปานท่านบอกว่าเป็นตำรา พระร่วง สำหรับยันต์เกราะเพชรนั้นก็ได้จากบท อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อนุตตะโร ปุริสะธัมมะ สาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ
    ถ้าอ่านลงตามแบบหนังสือจีน คืออ่านตามขวาง ก็ได้ใจความว่า อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรตินัง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็ชักเป็นตาข่าย จัดเป็นสูตร
    เวลาจะเป่ายันต์เกราะเพชร ท่านก็เขียนใส่กระดานดำ เมื่อท่านเขียนแล้ว ก็ให้คนที่จะมารับยันต์เกราะเพชร จุดธูปเทียนบูชารับศีลแล้วก็ภาวนาว่า “พุท” หายใจเข้า “โธ” หายใจออก ถ้ามีลูกอยู่ในท้อง ก็ให้จุดธูปแทนลูกในท้อง 1ดอก เวลาคลอดบุตรออกมา ก็จะมียันต์เกราะเพชรทั่วทั้งตัว แล้วภายใน 7วัน ยันต์ก็จะหายเข้าไปในตัว
    สำหรับผู้ใหญ่นั้น ย่อมไม่เห็นยันต์ ถ้าใครรักษาไว้ได้ด้วยดี เมื่อเวลาตายเขาเอาไปเผา จะเห็นมีรูปยันต์ติดอยู่ที่กระดูก
    ยันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปานนี้ ท่านกล่าวว่า ท่านได้มาจาก ยอดธงมหาพิชัยสงคราม เป็นธงออกศึกท่านตัดเศียรเอามาโดยเฉพาะ แบ่งจากยอดของธง คือธงนั้นมียันต์มาก ทีนี้เอายันต์ๆ หนึ่งในยอดธงมหาพิชัยสงคราม ท่านให้ชื่อว่า ยันต์เกราะเพชร
    เวลาที่ท่านจะเป่าให้ ท่านอธิบายว่าของๆท่านไม่รับรองเรื่องคงกระพันชาตรี รับรองเพียงว่า ใครรับยันต์เกราะเพชรแล้ว
    ๑. จะไม่ตายโหง
    ๒. จะไม่ถูกคุณผี คุณคน จะป้องกันสรรพอันตรายที่บุคคลทั้งหลายทำมาด้วยวิชาการต่างๆ
    ๓. จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์พิษ อย่างนี้เป็นต้น
    และ บุคคลทั้งหลาย ถ้าได้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าบูชาไว้ด้วยดี ถ้าบุคคลใดใครก็ตามจะกลั่นแกล้งบุคคลที่ได้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ท่านห้ามไม่ให้โกรธตอบ ให้ทำเฉยๆ แล้วบุคคลประเภทนั้นจะได้รับผลกรรมที่ตัวทำนั้นเอง โดยเฉพาะหมายความว่า เราไม่ต้องทำตอบ เมื่อเขาแกล้งเราด้วยวิธีใด ก็วิธีนั้นแหละจะลงโทษเขา ถ้าเขาคิดจะฆ่าเรา เขาก็ตายเอง ถ้าเขาจะกลั่นแกล้งเราให้ย่อยยับ เขาก็ย่อยยับเอง ถ้าเขาจะทำให้เราลำบาก เขาก็ลำบากเอง อันนี้เป็นวิธีการอันหนึ่งที่ไม่ใช่ทำให้เขาลำบาก ถ้าเขาทำ ผลนั้นเขาจะพึงได้รับเอง เราไม่บาป แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า
    ๑. ห้ามดื่มสุราเมรัยเด็ดขาด เว้นไว้แต่เป็นกระสายยา
    ๒. ห้ามทุจริตโดยการลักขโมย ฉ้อโกง อย่างนี้เป็นต้น

    ถ้าใครประพฤติปฏิบัติในศีล 2ประการได้ ยันต์เกราะเพชรก็จะคุ้มครองบุคคลนั้น ถ้าใครรักษาศีลไม่ได้ ยันต์เกราะเพชรก็จะไม่คุ้มครอง

    ****************************************

    รุ่นนี้ต้องสังเกตตรงเนื้อผ้า และหมึกตัวยันต์เกราะเพชรซื่งต้องคมเป็นเส้นบางๆ (ไม่หนา)

    ****************************************

    อานุภาพยันต์เกราะเพชร

    โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ยันต์เกราะเพชรนี้ หลวงพ่อปานศึกษาจากตำราพระร่วง โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม เป็นการนำเอาพุทธคุณบทต้นมาเขียนเป็น ตัวขอม อ่านตามขวางว่า

    อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา

    ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
    ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
    โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
    ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
    คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ
    วา โธ โน อะ มะ มะ วา
    อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ

    สำหรับ ยันต์เกราะเพชร คือ เป็นคาถา อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณสัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควาติ เรียกกันว่า ห้องพระพุทธคุณ แต่เขียนลงมาอย่างหนังสือเจ๊ก เขียนลง ไม่เขียนตามบรรทัด เขียนลงมา ๗ คำ แล้วก็ไปขึ้นต้นใหม่เรียงกันไป ก็ว่า อิระชาคะตะระสา ติหังจโตโรถินัง นี่เรียกว่า อิติโส ๘ ทิศ อย่างนี้แหละ แล้วก็ชักเป็นยันต์ เรียกสูตรตามเส้นที่เขาชักไป สำหรับยันต์เกราะเพชรนี่หลวงพ่อปานปลุกได้ดีมาก เพราะว่าเวลาท่านจะเป่าให้ใครนั้น ท่านเขียนยันต์ใส่กระดานดำไว้
    แล้วท่านก็ยืนอยู่ข้างหลังให้ทุกคนจุดธูปเทียน แล้วภาวนาว่า พุทโธ ถ้าคนไหนมีครรภ์ ผู้หญิงมีครรภ์ก็ให้จุดธูป ๑ ดอกแทนลูกในครรภ์ แล้วท่านก็เป่า เวลาเป่ายันต์เข้าตัวจะมีความรู้สึกหนักที่ศีรษะหรือว่าคันที่หน้า ยังงี้เรียกว่ายันต์เข้าจับตัวแล้ว ถ้ายันต์เข้าจับตัวทุกคนก็เป็นอันว่าเลิกกัน ท่านเป่าเฉพาะวันเสาร์ห้า คือว่าเป็นเดือนอะไรก็ตาม เป็นขึ้น ๕ ค่ำวันเสาร์ หรือวันเสาร์ตรงกับ ๕ ค่ำ อันนี้ใช้ได้ เรียกว่าท่านทำเป็นปกติ แล้วก็วันเสาร์ ๕ นี่แหละเป็นวันยกครูของท่าน ท่านจะยกครูหมอ ครูอะไรก็ตาม ก็ทำกันวันเสาร์ห้า คนเยอะยิ่งกว่ามีงานวัดอีก ศาลาของท่านใหญ่จุคนเป็นพัน แต่เวลาเป่ายันต์เกราะเพชรจริง ๆ ต้องผลัดกัน ๔-๕ รุ่น เรียกว่านั่งเต็มศาลาเป่า ๑ คราว ใครเป่าแล้วก็ลงมา คนที่ยังก็ขึ้นไป ยังงี้เปลี่ยนกันถึง ๔-๕ รุ่น
    คุณสมบัติของยันต์เกราะเพชรก็เป็นการกันการกระทำการกลั่นแกล้งจากคนอื่นด้วย วิชานี้ดีมาก หากว่าใครขืนทำเข้าคนนั้นก็เคราะห์ร้าย เคราะห์ร้ายเพราะอะไร ของเหล่านั้นจะกลับสะท้อนย้อนเข้าไปหาตัว คราวหนึ่ง พระผลบวชพรรษาเดียวกับฉัน แกอยู่อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี แกไปรับยันต์เกราะเพชร พอรับแล้วแกก็ออกไปหลังวัด ปรากฏว่าถูกงูเห่ากัดเห็นตัวชัดเพราะเป็นกลางคืนเดือนหงาย เห็นว่าเป็นงูเห่าแน่ เอาไฟส่องดูก็แผ่แม่เบี้ยหราเป็นงูเห่า แกก็วิ่งเข้ามาหาหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานก็ถามว่า แกรับยันต์เกราะเพชรหรือเปล่า พระผลก็บอกว่ารับขอรับ ท่านบอกว่าถ้ารับไม่รักษา ฉันอยากจะดูคนที่รับยันต์เกราะเพชรมันตายเพราะถูกงูกัดสักคน ถ้าหากว่าแกตายฉันจะดีใจมาก ท่านผลหน้าซีด ปรากฏว่าในขณะที่ท่านพูด พิษมันวิ่งขึ้นมาถึงเข่า แล้วก็ถอยไปปวดอยู่ปากแผล เดี๋ยวมันก็ปวดขึ้นมาถึงเข่า แล้วก็ปวดที่ปากแผล ๓ ครั้ง พอวาระที่สามปรากฏว่า อาการปวดหายไปหมดเลย พิษหมดเลย พระผลดีใจมาก บอกว่าหายปวดแล้วครับ หลวงพ่อปานก็บอกว่านั่นนะซิ ฉันแน่ใจว่ายันต์เกราะเพชรของฉันดี แต่ถ้าแกรับแล้วแกตายเพราะงูกัด ฉันก็จะเห็นว่าแกเป็นคนเลวมาก ไม่มีความเคารพในพระพุทธเจ้า เพราะว่ายันต์เกราะเพชรนี่ฉันอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าคุ้มครองนะไม่ใช่อื่น ถ้าแกตายแล้วก็เป็นพระด้วย แกรับยันต์เกราะเพชรไปแล้วด้วย ถ้าถูกงูกัดแล้วตายเพราะงูพิษ ก็น่าจะตายหรอก เพราะว่าคนที่บวชแล้วไม่เคารพในพระพุทธเจ้า ไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา เป็นคนเลวก็ควรจะตาย แต่ว่าแกไม่ตาย นี่ก็แสดงว่าแกเป็นคนดีแล้ว ความมั่นคงในพระพุทธเจ้าใช้ได้ นี่ว่ากันถึงยันต์เกราะเพชร

    ***********************

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุง

    หลวงพ่อฤาษีฯ เริ่มเป่ายันต์อย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ที่ศาลาพระพินิจอักษร คนมารับยันต์หลายพันคน ต้องทำพิธีเป่าอยู่หลายรอบ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ ที่ ศาลา ๒ ไร่ ผู้คนแห่กันมาหลายหมื่นคน ต่อมาหลวงพ่อได้สร้างศาลา ๓ ไร่, ๔ ไร่ และศาลา ๑๒ ไร่ เพื่อรองรับศรัทธา เพราะมีผู้มาร่วมพิธีเป่ายันต์กันมากขึ้นทุกปี ขนาดศาลา ๑๒ ไร่ คนก็เต็มและต้องเป่าหลายรอบ การเป่ายันต์ไม่ได้เป่าทีละคน หากแต่เป่าทีละเต็มศาลา กี่หมื่นกี่แสนคนก็เป่าพร้อมกันทีเดียว “พระ”ท่านบอกว่า เป่าทีเดียวทั่วจักรวาล จะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม ถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็มีผลเช่นเดียวกับคนที่มาเข้าพิธีด้วยตัวเอง  หลวงพ่อจะให้ผู้รับยันต์ สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐาน แล้วดูภาพยันต์ที่ตั้งไว้ในพิธี ตั้งใจจำภาพยันต์ไว้ในใจ แล้วหลับตาภาวนาว่า พุทโธ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหลวงพ่อจะบอกว่าเสร็จพิธี…

    ยันต์เกราะเพชร คือ พุทธานุภาพ ขณะที่เราหลับตาภาวนา พระพุทธเจ้าจะเปล่งฉัพพรรณรังสีลงมา ครอบคลุมท่านที่ตั้งใจรับยันต์ หลวงพ่อท่านจะคอยดูอยู่ พอพระท่านบอกว่าเต็มแล้ว หลวงพ่อก็จะบอกให้เลิกภาวนา… เมื่อยันต์เกราะเพชรเริ่มจับตัว ผู้รับจะมีอาการต่าง ๆ กัน เช่นร้อนหู ร้อนหน้า ขนลุกขนชัน หนักศีรษะ หรือ คันยุบยิบเหมือนมีตัวไรไต่ บางคนจับไข้ไปเลย อาการเหล่านี้จะทรงอยู่ไม่เกิน ๒-๓ วัน พอยันต์เข้าตัวหมดก็หายไปเอง… ผู้ที่ถูกไสยศาสตร์มา ไม่ว่าจะเป็นคุณผี-คุณคน หรืออะไรก็ตาม เมื่อเริ่มทำการเป่ายันต์ ท้าวจตุมหาราชและ บริวารจะช่วยขับของเหล่านั้นออกให้ คนที่โดนของมาจะทั้งดิ้นทั้งร้อง ต้องปล่อยให้สงบไปเอง เลิกดิ้นเลิกร้องเมื่อไร แปลว่า ของอาถรรพ์สลายตัวหมดแล้ว…!
    การเป่ายันต์เกราะเพชร เป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลไปในตัวด้วย ใครมีวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด หรือ เครื่องรางใด ๆ ก็ตาม เวลาเข้าพิธีให้วางไว้บนตักตัวเอง เสร็จพิธีเป่ายันต์ ก็นำไปใช้ได้เลย…
    การรักษายันต์เกราะเพชรให้อยู่กับตัว ผู้รับยันต์ไปต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรืออย่างน้อย ต้องมีศีล ๒ ข้อ คือ ห้ามกินเหล้า และ ห้ามลักขโมย ตอนเช้าต้องสวดมนต์ไว้พระ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาราธนาบารมีของท่าน ลงมาเป็นเกราะเพชรคลุมกายเรา ภาวนา “พุทโธ”ให้ใจสบาย แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองรักษา ให้ท่านมีความปลอดภัยทุกประการ… ผู้ที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้ารักษาไว้ได้จะมีอานุภาพดังนี้
    ๑.จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
    ๒.จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
    ๓.ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
    ๔.ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง
    ผู้รับยันต์ไปเป็นผู้ใหญ่ ถ้ารักษาไว้ด้วยดี เมื่อตายแล้วเผา จะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูก สำหรับเด็กในท้อง ถ้าเป็นลูกชายคนหัวปี เมื่อคลอดออกมา จะมียันต์ติดอยู่ตามตัว เป็นลวดลายต่าง ๆ กันไป   ลูกศิษย์หลวงพ่อหลายคน เมื่อตายแล้วเผามียันต์ติดที่กระดูก บางคนกระดูกลายเป็นพระธาตุไปเลย เด็กที่เกิดมามียันต์เกราะเพชรติดตัวเป็นจำนวนมาก บางคนลายเป็นแตงไทย บางคนหูดำทั้งสองข้าง บางคนเป็นยันต์เกราะเพชรอย่างชัดเจน…

    รายหนึ่งอยู่ลพบุรี ผู้เป็นแม่รับยันต์ไปแล้ว ตั้งใจรักษาศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ลูกเกิดมามียันต์เป็นสีแดง และปรากฏขึ้นทุกวันพระ อีกรายมียันต์ติดกระหม่อมเป็นรูปกงจักร ซึ่งลวดลายยันต์เหล่านี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าเนื้อ ไปอยู่ที่กระดูกจนหมด.

    ※ หมายเหตุ :
    การเป่ายันต์เกราะเพชร เป็นวิชาที่หลวงพ่อปานท่านศึกษาจากตำราพระร่วง พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) ได้เล่าไว้ในหนังสือประวัติหลวงพ่อปานว่า :
    หลังจากหลวงพ่อปานตายแล้วปีหนึ่ง ฉันนอนนึกถึงสมุดตำราของหลวงพ่อปาน ที่อาจารย์แจงขอยืมไป ฉันนึกขึ้นมาได้ว่า ท่านขอยืมเอาไปปีหนึ่งแล้วท่านจะมาส่ง นี่ไม่เห็นท่านมาส่ง แล้วหลวงพ่อปานก็ตายแล้ว จะลองๆ ไปถามท่านว่าจะให้ไหม จะได้เอามาใช้บ้างเผื่อจะฮิตขึ้นมา เมื่อไปถึงอำเภอสวรรคโลก พอไปถึงที่นั่น ได้ยินข่าวว่าอาจารย์แจงตายตายไล่ๆ กับหลวงพ่อปาน เลยแจ้งภรรยาของท่านว่า ฉันนี่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน จะมาขอตำราคืนไป จะได้นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ภรรยาของท่านก็หยิบหนังสือขึ้นมา อาจารย์แจงเขียนเป็นตัวหนังสือคล้ายๆ โบราณ บอกว่า ตำราเล่มนี้เป็นตำราของอาจารย์พระร่วง ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายมาจากต้นตระกูล เพราะตระกูลของข้าพเจ้าเป็นตระกูลของพระร่วง ถ้าหากว่า บุคคลใดจะนำตำรานี้ไปใช้เป็นประโยชน์ ให้นำดาบ ๒ เล่มนี้ ไปรำที่กลางนอกชาน รำกลางแจ้ง ถ้ารำดาบแล้วมีฟ้าผ่ามาใกล้ๆ ฟังเสียงชัด ก็มอบตำรานี้ให้ได้
    ภรรยาอาจารย์แจงบอกว่า พออาจารย์แจงตาย ก็มีคนมารำกันเยอะ ฟ้าไม่ผ่า แกก็ส่งดาบให้ ฉันก็หยิบดาบ เอาตำราไปวางไว้ที่หน้าพระพุทธรูป แล้วฉันก็จุดธูปเทียนบูชา อธิษฐานว่า ถ้าวาสนาบารมีของฉันนี้เคยเกี่ยวข้อง กับท่านเจ้าของตำราเล่มนี้มาบ้าง และควรได้รับตำรานี้ไว้เป็นสมบัติของตน และคาถาในตำรานี้ จะเป็นประโยชน์แก่ฉัน ขอให้ฟ้าผ่าลงมาขณะที่ฉันถือดาบ ออกไปกลางแจ้ง ในที่สุด พอเดินออกไปกลางนอกชาน ไม่ทันถึง ๒ นาที ฟ้าผ่าเปรี้ยง หูอื้อไปตามๆ กัน เป็นอันว่าฉันมีสิทธิ์ในการใช้ตำรา แล้วฉันก็รับตำรามา.

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์เกราะเพชร รุ่นแรก ขนาดเล็ก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    การเป่ายันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปานท่านบอกว่าเป็นตำรา พระร่วง สำหรับยันต์เกราะเพชรนั้นก็ได้จากบท อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อนุตตะโร ปุริสะธัมมะ สาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ
    ถ้าอ่านลงตามแบบหนังสือจีน คืออ่านตามขวาง ก็ได้ใจความว่า อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรตินัง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็ชักเป็นตาข่าย จัดเป็นสูตร
    เวลาจะเป่ายันต์เกราะเพชร ท่านก็เขียนใส่กระดานดำ เมื่อท่านเขียนแล้ว ก็ให้คนที่จะมารับยันต์เกราะเพชร จุดธูปเทียนบูชารับศีลแล้วก็ภาวนาว่า “พุท” หายใจเข้า “โธ” หายใจออก ถ้ามีลูกอยู่ในท้อง ก็ให้จุดธูปแทนลูกในท้อง 1ดอก เวลาคลอดบุตรออกมา ก็จะมียันต์เกราะเพชรทั่วทั้งตัว แล้วภายใน 7วัน ยันต์ก็จะหายเข้าไปในตัว
    สำหรับผู้ใหญ่นั้น ย่อมไม่เห็นยันต์ ถ้าใครรักษาไว้ได้ด้วยดี เมื่อเวลาตายเขาเอาไปเผา จะเห็นมีรูปยันต์ติดอยู่ที่กระดูก
    ยันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปานนี้ ท่านกล่าวว่า ท่านได้มาจาก ยอดธงมหาพิชัยสงคราม เป็นธงออกศึกท่านตัดเศียรเอามาโดยเฉพาะ แบ่งจากยอดของธง คือธงนั้นมียันต์มาก ทีนี้เอายันต์ๆ หนึ่งในยอดธงมหาพิชัยสงคราม ท่านให้ชื่อว่า ยันต์เกราะเพชร
    เวลาที่ท่านจะเป่าให้ ท่านอธิบายว่าของๆท่านไม่รับรองเรื่องคงกระพันชาตรี รับรองเพียงว่า ใครรับยันต์เกราะเพชรแล้ว
    ๑. จะไม่ตายโหง
    ๒. จะไม่ถูกคุณผี คุณคน จะป้องกันสรรพอันตรายที่บุคคลทั้งหลายทำมาด้วยวิชาการต่างๆ
    ๓. จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์พิษ อย่างนี้เป็นต้น
    และ บุคคลทั้งหลาย ถ้าได้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าบูชาไว้ด้วยดี ถ้าบุคคลใดใครก็ตามจะกลั่นแกล้งบุคคลที่ได้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ท่านห้ามไม่ให้โกรธตอบ ให้ทำเฉยๆ แล้วบุคคลประเภทนั้นจะได้รับผลกรรมที่ตัวทำนั้นเอง โดยเฉพาะหมายความว่า เราไม่ต้องทำตอบ เมื่อเขาแกล้งเราด้วยวิธีใด ก็วิธีนั้นแหละจะลงโทษเขา ถ้าเขาคิดจะฆ่าเรา เขาก็ตายเอง ถ้าเขาจะกลั่นแกล้งเราให้ย่อยยับ เขาก็ย่อยยับเอง ถ้าเขาจะทำให้เราลำบาก เขาก็ลำบากเอง อันนี้เป็นวิธีการอันหนึ่งที่ไม่ใช่ทำให้เขาลำบาก ถ้าเขาทำ ผลนั้นเขาจะพึงได้รับเอง เราไม่บาป แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า
    ๑. ห้ามดื่มสุราเมรัยเด็ดขาด เว้นไว้แต่เป็นกระสายยา
    ๒. ห้ามทุจริตโดยการลักขโมย ฉ้อโกง อย่างนี้เป็นต้น

    ถ้าใครประพฤติปฏิบัติในศีล 2ประการได้ ยันต์เกราะเพชรก็จะคุ้มครองบุคคลนั้น ถ้าใครรักษาศีลไม่ได้ ยันต์เกราะเพชรก็จะไม่คุ้มครอง

    ***************************************

    แบบนี้เป็นแบบผ้ายันต์ผืนเล็ก มีปั๊มด้วยหมึกแดงและหมึกน้ำเงิน

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์เกราะเพชร หลวงปู่ปาน รุ่น1 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สร้างครั้งแรก ด้วยผ้าขาวและพิมพ์สกีนรูปหลวงปู่ปานด้วยหมึกสีดำ

    Read more
  • ผ้ายันต์

    ผ้ายันต์เกราะเพชร หลวงปู่ปาน รุ่น2 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สร้างเป็น รุ่น2 ด้วยผ้าขาวและพิมพ์สกีนรูปหลวงปู่ปานด้วยหมึกสีแดง (ผืนจะมีขนาดเล็กกว่า รุ่น1สีดำ)

    Read more
  • ๔. เครื่องราง ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์ พระยอดนิยม

    รวมผ้ายันต์-ธงยันต์ แบบต่างๆ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    รวบรวมผ้ายันต์-ธงยันต์ แบบต่างๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เมตตาสร้างเอาไว้ให้ลูกหลาน ประกอบไปด้วย

    1) ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามเย็บติดกับธงชาติ (เดิมๆจากวัด ขนาดเล็กสุด)
    2) ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ผืนใหญ่-ผืนเล็ก
    3) ผ้ายันต์ยันต์เกราะเพชร รุ่นแรก
    4) ผ้ายันต์ยันต์เกราะเพชรหลวงปู่ปาน รุ่น1 (สีดำ) – รุ่น2 (สีแดง)
    5) ผ้ายันต์ธงแดง ปี2508 (สร้างสมัยหลวงพ่ออยู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า)
    6) ผ้ายันต์ธงเขียวท่านปู่พระอินทร์ 2แบบ
    7) ผ้ายันต์ธงท้าวมหาชมภู 2แบบ
    8) ผ้ายันต์ธงฟ้าพระแม่โพสพ
    9) ผ้ายันต์ม่วง กรมหลวงชุมพร
    10) ผ้ายันต์ธงเหลืองค้าขาย (ทั้ง2แบบ)
    11) ผ้ายันต์ท่านท้าวมหาพรหม (ยันต์กันเพลี้ย)

    Read more
  • ผ้ายันต์ ผ้ายันต์-โชว์

    เสื้อยันต์เกราะเพชร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เสื้อยันต์เกราะเพชรผ่านพิธีพุทธาภิเษกในพิธีชาตรี ซึ่งถือว่าเป็นพิธีใหญ่มากๆ พุทธคุณเด่นมากด้านของฤทธิ์ เรื่องทางบู๊ตีรำฟันแทงและการป้องกันตัวทุกอย่าง

    ด้านหน้าของเสื้อยันต์ประกอบด้วย ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม 2ฝั่งซ้าย-ขวา ซึ่งเป็นยันต์ที่อยู่บนยอดธงออกรบสมัยโบราณ ตำราวิชานี้เป็นตำราพระร่วงที่หลวงพ่อเราสืบทอดมาเป็นท่านสุดท้าย..ถึงแม้ท่านอื่นนำไปทำผลมากที่สุดจะแค่ 10% เท่านั้น..ท่านบอกไว้ ส่วนด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน

    หลวงพ่อท่านสร้างไม่มากนัก ผู้ใดได้ครอบครองเสมือนเป็นนักรบกู้ชาติเมื่อสมัยก่อน เราจะเห็นลูกศิษย์นำมาใส่กันในวันเข้าพรรษา ฉลองพระเจ้าพรหมมหาราช โดยเดินวนรอบอนุสาวรีย์ 3รอบ เพื่อเป็นการระลึกถึงครั้งกู้เอกราชสมัยโยนก..พระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างประกายแก้ว

    Read more