เหรียญ-โชว์
-
เหรียญของขวัญวันเกิด รุ่น1 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
เหรียของขวัญวันเกิด รุ่น 1 บนตัวเหรียญด้านที่มีรูปหลวงพ่อจะปรากฎเส้นขนแมว อยู่เหนือศรีษะหลวงพ่อ ประมาณแถวๆอุนาโลม 1จุด และด้านข้างซ้ายและขวาของบ่าหลวงพ่อ ด้านละประมาณ 3 เส้น อยู่ใต้คำว่า”ของ” และคำว่า “ลิงดำ” ปกติเลี่ยมกรอบเดิมๆจะติดเข็มกลัดเป็นรูปธงชาติ มีเป็นกรอบหลายสี สร้างประมาณปี 2523 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อ มีข้อความว่า “ของขวัญวันเกิด ฤษีลิงดำ” ด้านหลังเป็นรูปพระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างประกายแก้ว มีข้อความว่า “พระเจ้าพรหมมหาราชปราบริปูพ่าย”
อานุภาพเหรียญของขวัญวันเกิด
๑. ป้องกันอันตราย
๒. ผู้ทำคุณไสยมาจะย้อนกลับไปหาเจ้าของ
๓. ศัตรูทำอันตรายได้ยาก
๔. เมื่อปลุกเสกเสมอ อย่าแช่งคนอื่น เพราะจะเป็นไปตามนั้น
๕. ทำน้ำมนต์ กินคลอดบุตรง่าย และรักษาโรค
๖. ติดตัวไว้จะไม่มีอันตรายจากยาพิษ เมื่อบังเอิญกินเข้าไป จะมีอาการมึนงงราวหนึ่งชั่วโมง แล้วจะหายเอง
๗. เมตตามหานิยม
๘. กันรังสีต่างๆ
๙. กันโรคระบาด ถ้ามีโรคระบาดเกิดขึ้นให้ใส่บาตรอุทิศกุศลให้ท่านท้าวมหาชมภู จะพ้นภัย ๑ องค์กันได้ทั้งบ้านวิธีทำน้ำมนต์ ให้เอาเหรียญวางไว้ใกล้ขันน้ำ แล้วอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอิรยสงฆ์ ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย สืบ ๆ กันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นที่สุด แล้วอธิษฐานตามต้องการ เสร็จแล้วเอาพระจุ่มน้ำแล้วเอาขึ้น
ตามความคิดผม ผมว่าเป็นเหรียญที่มีพุทธคุณครอบจักรวาล คล้ององค์เดียวเสร็จสรรพ เหรียญนี้ผิวองค์พระสวยมาก มองผ่านๆแล้วนึกว่าเป็นเนื้อทองคำ
-
เหรียญครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน “เหรียญเศรษฐี” (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
หลวงพ่อท่านสร้างเมื่อปี พ.ศ.2518 เนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นเหรียญทรงกลม เนื้อโลหะชุบทอง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อปานครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นรูปพระพุทธ ยันต์มะอะอุ ตามแบบฉบับพระเนื้อดินที่หลวงพ่อปานท่านได้สร้างไว้เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่ว มาพร้อมกับโบว์บารมี 30ทัศ
แรกเริ่มเดิมทีในวงการเรียกเหรียญนี้ว่า “เหรียญกลมครบรอบ๑๐๐ปีเกิดหลวงปู่ปาน” แต่มาภายหลังจากหลวงพ่อท่านมรณภาพแล้ว มีศิษย์พูดๆกันว่า พระผู้ใหญ่ที่วัดท่านเคยได้ยินหลวงพ่อบอกว่าเหรียญนี้ต่อไปจะอยู่ในคอเศรษฐีเท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นกระแสในการปั่นราคาพระในขณะนั้น พูดให้มีจุดขาย บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ ก็ว่ากันไป..พระหลวงพ่อท่านดีหมด ไม่ว่าจะเรียกชื่อรุ่นกันว่าอะไร ต่อไปก็จะหายากทั้งนั้น ซึ้งต่อมาภายหลังก็เรียกเหรียญรุ่นนี้กันติดปากว่า “เหรียญเศรษฐี”
************************************************************************************************
รู้ไว้ใช่ว่า ที่มาของชื่อ “เหรียญเศรษฐี”
แรกเริ่มเดิมทีเหรียญนี้เราจะเรียกกันว่า “เหรียญกลม 100ปีเกิดหลวงพ่อปาน” ลูกศิษย์ลูกหาเรียกชื่อนี้กันมานานจนหลวงพ่อท่านละสังขาร แต่หลังจากนั้น ในวงการพระสายหลวงพ่อก็มีการเปลี่ยนมาเรียกว่า “เหรียญเศรษฐี” เพราะมีคำบอกเล่าจากพระผู้ใหญ่ที่วัดท่านนึง (ปัจจุบันท่านมรณะภาพแล้ว) ท่านเล่าว่า…………..ระหว่างหลวงพ่อท่านนั่งรับสังฆทาน ช่วงนั้นก็มีการแจกเหรียญนี้เป็นที่ระลึก ก็มีโยมคนหนึ่งเข้ามาถวายสังฆทาน ถวายเสร็จหลวงพ่อก็แจกเหรียญนี้ให้ โยมคนนั้นก็บอกกับหลวงพ่อประมาณว่า โยมไม่เอา โยมมีพระของหลวงพ่อเยอะแล้ว ให้เอาไว้แจกคนอื่นๆต่อไปดีกว่าครับ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า…รับไปเถอะ ต่อไปเหรียญนี้จะอยู่กับเศรษฐีเท่านั้น เรื่องราวคร่าวๆประมาณนี้………..
แต่ก็ยังไม่มีใครหาเทปหรือบันทึกที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ได้เลย มีการพูดกันในกลุ่มผู้เล่นพระสายหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อมีการกล่าวไว้อย่างนั้นด้วยหรือ มีหลายคนที่ได้ฟังเรื่องราวนี้ ก็เช็คข่าวๆกันว่ามีใครเคยได้ยินเรื่องนี้บ้าง มีใครรู้บ้าง ก็คุยหัวเราะกันไปว่า ขำขำกันไปว่า…สงสัยท่านคงได้ยินแค่คนเดียว
จากนั้นเรื่องราวนี้ก็มีการพูดปากต่อปากไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนเรื่องทำท่าจะไม่มีอะไร ราคากลางพระรุ่นนี้ตอนนั้นก็ไม่ได้มีการขยับขึ้นหวือหวา หลายๆคนก็ยังไม่ได้เรียกว่าเหรียญเศรษฐีด้วยซ้ำไป ยังคงเรียกเหรียญกลม100ปีเกิดหลังพระพุทธ จนมีคนนำเหรียญรุ่นนี้เข้าประมูลในเว๊ปพลังจิต และมีการนำเอาคำกล่าวนี้มาพูดถึง “…ว่าเหรียญนี้จะอยู่ในคอเศรษฐีเท่านั้น…” เป็นจุดขายสำคัญ (ถ้าเปรียบเป็นนักธุรกิจ ก็เรียกได้ว่าตอนนั้นคนนี้เป็นนักการตลาดขั้นเทพ) จุดประเด็นคำพูดนี้จนราคาประมูลขยับขึ้นมาจากราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดราวๆ1เท่าตัว และจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีการนำเหรียญที่2มาลงประมูลอีก คราวนี้ราคาพุ่งทะลุหมื่นกว่าบาท ในวงการพระเครื่องสายหลวงพ่อตะลึ่งกันทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น คราวนี้ก็วิ่งเสาะแสวงหาเหรียญนี้กันยกใหญ่ ราคากลางเริ่มขยับขึ้นมายื่นเหยียบๆหมื่นในช่วงนั้นภายในเวลาไม่ถึงเดือน และก็มีการเรียกชื่อเหรียญนี้ว่า “เหรียญเศรษฐี” กันในวงกว้างขึ้นจนมาถึงปัจจุบันนี้
ที่นำมาเล่าก็แค่อยากให้คนรุ่นหลังๆทราบที่มาที่ไป ว่าทำไมจึงเรียกกันว่า เหรียญเศรษฐี ส่วนความต้องการก็เป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ข้อมูลและข้อเท็จจริงก็เป็นเรื่องที่น่าจะรู้กันไว้ เอามาเล่าสู่กันฟังประดับเป็นความรู้ไม่เสียหายนะ ส่วนเรื่องเล่านี้ หลวงพ่อท่านพูดไว้จริงไหม ต้องไปหาคำตอบกันเอง ผมเองก็ไม่รู้ ก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนๆกัน
แต่ก็มีข้อให้คิดอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงมาเรียกชื่อว่า “เหรียญเศรษฐี” หลังจากหลวงพ่อท่านมรณภาพแล้ว ทำไมไม่มีใครกล่าวอ้างกันตั้งแต่แรกเริ่มว่าหลวงพ่อกล่าวกันไว้แบบนี้ เหมือนกับพระคำข้าวรุ่นปืนแตก (ชื่อนี้ถูกตั้งตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะหลวงพ่อกล่าวไว้เลยว่า ใครเอาไปทดลองยิง ถ้ายิงเกิน3ครั้ง ปืนจะแตก)
ส่วนประเด็นเรื่องเหรียญผิวรมดำรุ่นนี้ มีสร้างที่วัดบางนมโคด้วยเหรอ? ก็ต้องขอตอบตามความเป็นจริง..ว่ามีสร้างด้วย แต่เหรียญผิวรมดำก็มีออกที่วัดท่าซุงด้วยเช่นเดียวกัน แล้วมันจะเป็นไปได้เหรอว่ามีออกที่วัดบางนมโคด้วย โดยใช้บล็อคเดียวกันเลย ก็ต้องลองนึกถึงเหรียญรูปไข่ครบรอบ100ปีเกิดหลวงปู่ปานที่ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร (หรือที่ในวงการพระเครื่องเรียกกันว่า เหรียญบิน) เหรียญนี้ของวัดท่าซุงจะเป็นเหรียญอัลบาก้าตอกเลขไทย ส่วนของวัดบางนมโคเป็นแบบชุบทองตอกเลขอารบิค โดยตัวเหรียญเป็นบล็อคเดียวกัน // หรือจะเป็นอีกรุ่นคือเหรียญเอกราชรุ่น1หลังยันต์เกราะเพชร ถ้าของวัดท่าซุงจะมีตัวอักษรซ้อนด้านหน้า ส่วนของวัดบางนมโคไม่มี แต่รูปลักษณ์ของเหรียญคล้ายกัน // หรือจะเป็นพระบูชา5นิ้วหลวงปู่ปานก็มี องค์ที่ฐานด้านหน้าสลักว่า “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค” พิมพ์นี้จะมี่ออกทั้งที่วัดท่าซุงและที่วัดบางนมโค ซึ่งจากที่กล่าวมา ก็แสดงให้เห็นว่า เหรียญเศรษฐีผิวรมดำ ก็ไม่แปลกอะไรที่วัดบางนมโคจะทำเหรียญนี้ออกมาด้วย เท่าที่ทราบข้อมูลนี้ก็รู้มาจากลูกศิษย์รุ่นเก่า ที่เค้ายืนยันว่าเค้าบูชาเหรียญรมดำนี้มาจากวัดบางนมโค และก็มีเพื่อนๆกันก็เล่าให้ฟังเช่นกันว่า เค้าก็ไปเจอมา เจ้าของบอกว่าบูชามาจากวัดบางนมโคเหมือนกัน
ถ้าย้อนอดีตไปในช่วงพระหลวงพ่อยังไม่มีใครเล่นหากัน ในวงการพระเครื่องสายหลวงพ่อเราจะไม่เล่นผิวรมดำนี้เลยด้วยซ้ำไป เพราะตีไปเป็นของวัดบางนมโคทั้งหมด แต่พอมาหลังๆก็มีการซื้อขายกันหมด ไม่มีการแยกแล้ว แต่ก็แปลก…กลับไม่มีใครบอกว่าเหรียญรุ่นนี้ผิวรมดำนั้นมีออกวัดบางนมโคด้วย เล่นเป็นของวัดท่าซุงทั้งหมดไปเลย แถมมีการนำเหรียญผิวรมดำเอามาชุบทองใหม่เสียอีกจะได้ดูเป็นของวัดท่าซุงแบบไม่ต้องมีประเด็นสงสัยตามมาภายหลัง แถมเอาโบว์ของเหรียญของขวัญวันเกิด (ให้สังเกตุว่าโบว์ด้านหลังจะเรียบ) มาใส่อีก ให้ดูครบถ้วนเหมือนออกจากวัด (ถ้าดูไม่เป็นนะ) เล่นกันสับสนไปหมด ชุบเดิมชุบใหม่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเหรียญผิวรมดำเหรียญไหนออกวัดบางนมโค เหรียญไหนออกวัดท่าซุง คงเป็นคำถามตามมาอีก เหรียญมีทั้งเหรียญหนาและเหรียญบาง…ยังเป็นประเด็นต่อไป (แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว เลือกได้จะเลือกเหรียญบางชุบทองเดิมๆมีโบว์เดิมๆไว้ก่อน ถ้าเป็นรมดำก็เน้นเอาเหรียญบางไว้ก่อน ส่วนใครจะชอบแบบไหน ก็เป็นความชอบของแต่ละคนนะ)
พระของหลวงพ่อท่านดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเรียกชื่อรุ่นกันว่าอะไร ต่อไปก็จะหายากทั้งนั้น จะหาเหรียญรุ่นนี้สะสมไว้ ก็เลือกเอาแบบที่เราชอบแล้วกัน ใครชอบรมดำก็หารมดำ ใครชอบแบบชุบทองเดิมๆมีโบว์เดิมๆก็หาแบบนั้น เลือกเอาแบบที่เราสบายใจแล้วกันเนอะ ^_^
-
เหรียญคอมพิวเตอร์ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
ลักษณะเหรียญเป็นเนื้อโลหะชุบทอง สร้างในปี 2529 โดยคณะวัดพระแก้ว (ช่างแขก..ทีมช่างผู้ติดตั้งและซ่อมแอร์ที่วัด) เป็นผู้สร้างถวาย มีด้านกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.1ซม. สูงประมาณ 2.4ซม. ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อ ลักษณะเป็นร่องฉลุเป็นลายเส้นลึกลงไปในเหรียญถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของเหรียญคอมพิวเตอร์ มีข้อความ “วัดท่าซุง” และ “ฤาษีลิงดำ” อยู่ทางด้านซ้ายและขวา ส่วนด้านล่างมีตัวเลขบอก พ.ศ. เขียนว่า “๒๙” เป็นเลขไทย ส่วนด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร และมีข้อความพิมพ์อยู่ทางด้านบน เขียนว่า “ยันต์เกราะเพชร” เป็นหนึ่งวิชาในตำราพระร่วงที่โด่งดังตั้งแต่สมัยหลวงพ่อปานจวบจนถึงหลวงพ่อ เป็นยันต์พุทธคุณบทแรก เขียนโยงเส้นยันต์ได้ 8บท ป้องกันอันตรายแปดทิศทุกด้านทุกทาง สร้างประมาณ 200เหรียญ
-
๒. พระเครื่อง พระยอดนิยม เหรียญ เหรียญ-โชว์
เหรียญท้าวเวสสุวัณ เนื้อเงิน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
เหรียญด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ด้านหลังเป็นรูปท่านท้าวเวสสุวัณ เหรียญเป็นเนื้อเงินซึ่งจัดสร้างน้อยมากๆ ว่ากันว่าจัดสร้างเพียง 20เหรียญ และเป็นบล็อคอินทนูลอย
**********************************************************
เหรียญท้าวเวสสุวัณที่พอจะจำแนกแยกเป็นบล็อคต่างๆ คร่าวๆได้ 7บล็อค คือ
1) บล็อคขอบจุด
2) บล็อคอินทนูลอย
3) บล็อคถาวโรมีขีด
4) บล็อคใต้จมูกจุด
5) บล็อคหูแตก
6) บล็อคหูแตก สังฆาฏิแตก
7) บล็อคหน้ากระจกพุทธาภิเษกที่ วัดพระมหาธาตุวรวิหาร จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2521 ใต้รูปมีข้อความว่า ที่ระลึกวันค่ายศรีนครินทรา กก.ตชด.เขต ๘ ๒๕ ก.ย. ๒๕๒๑ สร้างจำนวนทั้งสิ้น 44,227เหรียญ พิธีนี้พระท่านทำคงกระพันชาตรีแรงมากที่สุดคือนำหน้า มีเมตตามหานิยมอยู่บ้างพอสมควร ออกให้บูชาเหรียญละ 30บาทในขณะนั้น
เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญรุ่นพิเศษที่ทางกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต 8 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบปีเปิดค่ายเมื่อปี 2521 วัตถุประสงค์ก็เพื่อแจกตำรวจตระวณชายแดนผู้ปฏิบัติการเสี่ยงภัย และให้ประชาชนเช่าบูชาด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อเอารายได้ ถวายแก่วัดยากจนในภาคใต้ คณะผู้ดำเนินการสร้างได้รวบรวมแผ่นยันต์ และตะกรุดทั้งเก่าและใหม่จำนวนมากมาเป็นชนวนของเนื้อเหรียญ และจัดพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช อันแสนศักดิ์สิทธิ์ โดยมี “พล.ต.ต.ขุนพันธรักษราชเดช” มือปราบจอมหนังเหนียวเป็นเจ้าพิธี พระเครื่องรุ่นใดที่ท่านนี้มีส่วนร่วมในการสร้างด้วยส่วนใหญ่จะดังและศักดิ์สิทธิ์ตามพิธีของท่าน เพราะท่านเป็นคนรุ่นเก่า รู้เรื่องพิธีกรรมเยอะ นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์ เข้าร่วมปลุกเสกหลายท่านด้วยกันครับ ดังนี้…
1.พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
2.พระครูวรเวชย์วิสิฐ (หลวงปู่ครูบาธรรมชัย) พระอริยสงฆ์ แห่งวัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่ สหธรรมมิก ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเรา
3.พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง จ.นครศรีธรรมราช อริยะสงฆ์แห่งแดนทักษิณ
4.พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ จ.นครศรีธรรมราช
5.พ่อท่านแก่น วัดทุ่งหล่อ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สร้างพระปิดตาอันลือชื่อแห่งภาคใต้ พระปิตาของท่านส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อตะกั่ว มีหลายพิมพ์
6. พ่อท่านจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้มีเมตตาสูงส่งยิ่งนัก ผู้ใดไปหาท่าน มักจะได้รับความเมตตาจากท่านอย่างมาก
7. พระครูกาชาด (บุญทอง) วัดดอนศาลา จ.พัทลุง ท่านเป็นพระคณาจารย์ ศิษย์สายเขาอ้อ ครับ
8. พรอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา จ.พัทลุง วิปัสสนาจารย์สายเขาอ้อ
ฯลฯในเอกสารนั้นบอกไว้ว่า หลวงพ่อท่านปรารภไว้ว่า “ใครที่บูชาเหรียญรุ่นนี้แล้วจะไม่มีตายโหง…”
นอกจากนั้นยังมีปรากฎการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นในระหว่างการหล่อเหรียญรุ่นนี้เช่น แผ่นทองหลายแผ่นไม่ละลายที่นำมาหล่อไม่ยอมละลาย จนต้องจุดธูปบอกกล่าว จึงหลอมได้สำเร็จ -
เหรียญทำน้ำมนต์ “บล็อคตัวหนังสือซ้อน” (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
เหรียญทำน้ำมนต์เป็นเหรียญโลหะชุบทอง เดิมๆจะอัดกรอบพลาสติกสีเหลืองจากวัด หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษก “เหรียญทำน้ำมนต์” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2532 ที่วิหารแก้ว 100 เมตร เวลาประมาณ 6 โมงเย็น (แต่ในหนังสือสมบัติพ่อให้เล่มใหม่ลงไว้ว่าสร้างเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2532) ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อและชื่อ “พระสุธรรมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)” ใต้รูปเขียนว่า “วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี” ส่วนด้านหลังเป็นยันต์พระสารีบุตร และคำว่า “ทำน้ำมนต์”
ถัดไปอีก 2 วันเป็นงานเป่ายันต์เกราะเพชร ครั้งที่ 13 ในวันเสาร์ 5 ที่ 2 ธันวาคม 2532 พิธีมีขึ้นที่ศาลา 4 ไร่
จากวิดีโอเทปวันพิธีปลุกเสกเหรียญทำน้ำมนต์และวันพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ถอดคำเฉพาะบางตอนที่หลวงพ่อกล่าวถึงที่มาการสร้างและอานุภาพเหรียญน้ำมนต์ไว้ดังนี้
ในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรวันที่ 2 ธันวาคม 2532 รอบแรก หลังจากหลวงพ่อได้แนะนำเรื่องการรับและรักษายันต์เกราะเพชรจบแล้ว ท่านได้พูดถึงเรื่องเหรียญทำน้ำมันต์ให้ฟังประมาณนี้ว่า
ช่วงเดือนตุลาคม ร่างกายท่านเคลียด มีอาการป่วยมาก ท่านขึ้นไปวิมานท่านบนแดนพระนิพพานแล้วตัดสินใจว่าถ้าร่างกายไม่ดีก็จะไม่กลับ พระพุทธองค์ท่านก็มายับยั้ง ท่านบอกกับหลวงพ่อว่าให้เป็นหมอเอาไหม หลวงพ่อบอกว่าร่างกายแบบนี้เป็นหมอไม่มีใครเชื่อถือ เป็นหมอยา หมอพิธีกรรม ท่านไม่อยากเป็นเพราะจิตใจเป็นกังวล ไม่มีสุข
ท้ายสุดพระท่านบอกว่า ถ้าทำน้ำมนต์อย่างเดียว รักษาได้ทุกโรคเอาไหม หลวงพ่อก็ว่าถ้ารักษาโรคภัยไข้เจ็บทางกายอย่างเดียวเอา แต่ยังไม่พอใจนัก ต้องรักษาโรคทรัพย์จางได้ด้วย พระพุทธองค์ท่านก็เรียกพระสารีบุตรมาให้สอนหลวงพ่อ พระสารีบุตรท่านว่าเคยสอนแล้วเมื่อปี 2504 แต่หลวงพ่อบอกว่าตอนนั้นทำครั้งเดียวเลิกไปเลย ก็สอนกันใหม่ และพระสารีบุตรท่านก็ติดตามมาสอนหลวงพ่อต่ออีก 3-4 วัน รักษาโรคได้ทั้งทางกายและทางใจพวกคุณไสย พวกผีเข้าเจ้าสิง
หลวงพ่อพูดแนะนำว่า ” ถ้าผู้หญิงมีครรถ์ ให้ทานน้ำมนต์ทุกวันก่อนจะหลับ อธิษฐานก่อน วันละอึกก็พอ อธิษฐาน ขอให้บุตรในครรค์จงเป็นผู้แข็งแรงไม่มีโรค และมารดาก็ไม่มีโรคด้วย แข็งแรงปลอดภัย เวลาเจ็บท้องใหม่ๆ ดื่มซัก 1 อึก อธิษฐานว่า ขอให้คลอดง่าย อย่างนี้ก็จะคลอดง่าย ”
” ถ้าญาติโยมพุทธบริษัทต้องการลาภจากค้าขายทำมาหากิน ถ้าค้าขาย ตอนเช้าไปพรมหน้าร้าน ว่าคาถาตามหนังสือที่แนะนำไปให้ ถ้าต้องการปลูกผักปลูกหญ้า หรือข้าวกล้าทั้งหลายจะลงทำนา เอาน้ำมนต์ไปลงก่อนจะมีผลดีมาก ”
” ยันต์นี้มีรูปอาตมาอยู่ด้วย เป็นอันว่าท่านอนุญาติให้ทำ ท่านก็ตั้งราคาเสร็จ เหรียญที่มียันต์นี่ ท่านตั้งราคาบอกว่าใช้ราคาเกิน 30 บาทไม่ได้ ”
ในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ที่วิหาร 100 เมตรในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2532 หลวงพ่อเล่าตอนนึงว่า
” ทีแรกไม่ให้ทำเลย ไม่ให้แจกเลย(หมายถึงว่าพระท่านไม่ให้ทำเหรียญ ให้ทำเฉพาะแผ่นยันต์อย่างเดียว ทำน้ำมนต์แล้วให้คนมาตักไปเอง ประมาณๆนี้) เพราะกำลังใจคนเราไม่เท่ากัน นี่พระพุทธเจ้าเองนะ ต่อมาขอร้องเข้า คุยกันตั้งแต่ตี 2 ถึงตี 4 เอางี๊ก็แล้วกัน คุณทำได้แต่ทำได้ไม่เกินครั้งนึงไม่เกินพันองค์ เลยบอกท่านว่าถ้าไม่เกินพันองค์นี่มันตีกันแน่ เดี๊ยวก็ขึ้นราคากัน คนที่ได้ไป ก็ไปขึ้นราคากับคนไม่ได้ เลยขออนุญาติท่านเป็นพิเศษว่า เฉพาะรับงานเป่ายันต์คนมาก พันองค์คงไม่ไหว ท่านก็เลยอนุมัติว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกให้เป็นพิเศษให้ 3 หมื่นองค์ แต่ว่าต่อไปจะทำอีก ครั้งต่อไปจะได้ไม่เกินพันองค์ ”
หลวงพ่อท่านบอกเพิ่มเติมว่า ” บูชาทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ หาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างท่านบอกทุกอย่าง วิชานี้โดยตรงผู้ให้คือพระสารีบุตร แต่ว่าการทำคือพระพุทธเจ้าทำ ”
” หลวงพ่อบอกเหรียญทำน้ำมนต์นี้ กันและแก้ได้ทุกอย่าง จะรักษาโรคอะไรสุดแท้แต่จะอธิฐาน ”
วิธีการอาราธนาเหรียญทำน้ำมนต์
ให้เอาเหรียญใส่ขัน ตั้งนะโม 3จบ แล้วสวด อิติปิโส ทั้ง 3ห้อง (อิติปิโส… สวากขาโต… สุปฏิปันโน…) อีก7จบ และปิดท้ายด้วย นะ มะ พะ ธะ (พร้อมทั้งกำหนดลมหายใจเข้า-ออกด้วยจะดีมาก) อีก 15จบ แล้วอธิษฐานตามความปรารถนา แต่จะมีผลเฉพาะผู้ที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่านั้น แล้วนำน้ำมนต์ไปประพรม อาบหรือดี่มกินได้
ตอนพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อเล่าว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิ์สัตว์ พระอรหันต์พรหมและเทวดาทุกๆ พระองค์จะนั่งหลับตาเข้าสมาธิกันหมดโดยไม่ใช้พลังทั้งสิ้น… ต่างกับวัตถุมงคลอื่นๆ ทุกๆพระองค์จะใช้พลังแสงพุ่งออกจากกายที่สำคัญและพิเศษที่สุดคือ เหรียญทำน้ำมนต์ นี้ถือเป็นเหรียญเดียวที่สามารถคลายกฎแห่งกรรมได้ (ปกติกฎแห่งกรรม ไม่สามารถคลายหรือลดได้)
เหรียญทำน้ำมนต์ถือว่าเป็นเหรียญที่ทำได้ยากมาก กว่าพระท่านจะทรงอนุญาติให้หลวงพ่อสร้างได้ เพราะครั้งแรกจะต้องใช้ทองคำเท่านั้น แต่หลวงพ่อขอพระท่านจนสำเร็จ
เหรียญนี้พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ลุงพุฒ(ท่านพญายมราช)มาบอกหลวงพ่อ ให้บอกลูกหลานว่า ถ้ามีกำลังใจสูงกำลังใจเข้มข้นแล้ว ก็ไม่ต้องใช้เหรียญทำน้ำมนต์ ให้นึกถึงภาพยันต์น้ำมนต์(ที่อยู่ด้านหลังเหรียญ)ให้อยู่กลางกระหม่อม แล้วก็สวดภาวนาตามวิธีอาราธนาใช้เหรียญไปเรื่อยๆ จะค่อยๆคลายกฎของกรรมได้ ถ้าทำทุกวันต่อไปก็จะเหลือนิดเดียว
****************************************
ถอดจากเทปพิธีพุทธาพิเษกเหรียญทำน้ำมนต์….
“…เหรียญที่จะได้ไปนี้ทั้งหมด เหรียญชุบทองก็ดี เหรียญเงินก็ตาม เหรียญเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว แผ่นเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว เพราะว่าไม่ได้ทำเพื่อเช่า แต่พันเอกสถาพร เอามาถวาย ได้เงินเท่าไหร่ก็เขาเอาเข้าวัด ทั้งหมดนี้ทุกท่านนำไปบ้าน เอาไปบูชา แล้วก็ทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ มหาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างนะท่านบอกทุกอย่าง…”
-
เหรียญมหาลาภ เนื้อเงิน ปี30 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
เหรียญมหาลาภ ปี30รุ่นนี้ ถือเป็นเหรียญมหาลาภ รุ่นที่2 เข้าพิธีพุทธาภิเษกในงานสะเดาะเคราะห์ใหญ่ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530 ปลุกเสกพร้อมพระบูชาแก้วใสรุ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระวิสุทธิเทพแก้ว รูปหล่อหลวงปู่ปาน-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระบูชาสุโขทัย ๓ นิ้ว, ๕ นิ้ว, ๙ นิ้ว รูปเหมือนท่านแม่ทั้งสามเนื้อเรซิ่นใส รวมถึงแหวนเพชรจักรพรรดิ์
ว่ากันว่า….บูชาเหรียญนี้ติดกระเป๋าใส่สตางค์หรือที่เก็บเงิน แล้วเงินจะไม่ขาดมือ อธิษฐานได้ดังหวังตลอด ถ้าจะให้ดี ให้บูชาด้วยคาถาเงินล้าน แล้วปลุกด้วยคาถาหลวงปู่ปาน มีลูกศิษย์นำไปบูชาแล้วได้ผลกันแล้วมากมาย
เหรียญมหาลาภ รุ่น2 นี้จะเป็นเหรียญคู่ มี 2 แบบ คือ
1. ด้านหน้ารูปหลวงพ่อ มีชื่อ “พระสุธรรมยานเถระ” ใต้องค์หลวงพ่อ
ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร เขียนว่า “ทำบุญต่ออายุ พ.ศ.๒๕๓๐”2. ด้านหน้ารูปหลวงพ่อ มีชื่อ “พระสุธรรมยานเถระ” ใต้องค์หลวงพ่อ
ด้านหลังเป็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เขียนว่า “ทำบุญถวายพระราชกุศล ๒๕๓๐”แต่ถ้าเป็นเหรียญเนื้อเงิน จะมีแค่แบบที่ 1 (ด้านหน้ารูปหลวงพ่อ ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร) อย่างเดียว จัดสร้างจำนวนไม่มากนัก น่าจะประมาณราวๆ 30เหรียญ
-
๒. พระเครื่อง พระยอดนิยม เหรียญ เหรียญ-โชว์
เหรียญแผ่นยันต์พระพุทธ ทำน้ำมนต์ เนื้อเงิน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง
สำหรับเหรียญแผ่นยันต์พระพุทธ ทำน้ำมนต์นั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทำพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2532 ที่วิหารแก้ว 100 เมตร ด้านหน้าตรงกลางจะเป็นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิ มีตัวหนังสือเขียนทางซ้ายคำว่า “วัดท่าซุง” ด้านขวาเขียนว่า “จ.อุทัยธานี” ด้านล่างเขียนว่า “พ.ศ. ๒๕๓๒” ส่วนด้านหลังเป็นยันต์พระสารีบุตร (หรือที่เราเรียกทั่วไปว่า ยันต์ทำน้ำมนต์) เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาด 1นิ้ว x 1นิ้ว
ในแบบเหรียญพิมพ์พระพุทธนี้ มีสร้างออกมาด้วยกัน 3เนื้อ จำนวนการจัดสร้างคร่าวๆเท่าที่พอจะทราบ คือ
1) เหรียญเนื้อทองคำ มีจำนวนประมาณ 4 เหรียญ
2) เหรียญเนื้อนาก มีจำนวนประมาณ 20 เหรียญ
3) เหรียญเนื้อเงิน มีจำนวนประมาณ 80 เหรียญหลวงพ่ออธิบายว่า ” บูชาทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ หาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างท่านบอกทุกอย่าง วิชานี้โดยตรงผู้ให้คือพระสารีบุตร แต่ว่าการทำคือพระพุทธเจ้าทำ ”
” หลวงพ่อบอกเหรียญทำน้ำมนต์นี้ กันและแก้ได้ทุกอย่าง จะรักษาโรคอะไรสุดแท้แต่จะอธิฐาน ”
วิธีการอาราธนาเหรียญทำน้ำมนต์
ให้เอาเหรียญใส่ขัน ตั้งนะโม 3จบ แล้วสวด อิติปิโส ทั้ง 3ห้อง (อิติปิโส… สวากขาโต… สุปฏิปันโน…) อีก7จบ และปิดท้ายด้วย นะ มะ พะ ธะ (พร้อมทั้งกำหนดลมหายใจเข้า-ออกด้วยจะดีมาก) อีก 15จบ แล้วอธิษฐานตามความปรารถนา แต่จะมีผลเฉพาะผู้ที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่านั้น แล้วนำน้ำมนต์ไปประพรม อาบหรือดี่มกินได้
ตอนพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อเล่าว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิ์สัตว์ พระอรหันต์พรหมและเทวดาทุกๆ พระองค์จะนั่งหลับตาเข้าสมาธิกันหมดโดยไม่ใช้พลังทั้งสิ้น… ต่างกับวัตถุมงคลอื่นๆ ทุกๆพระองค์จะใช้พลังแสงพุ่งออกจากกายที่สำคัญและพิเศษที่สุดคือ เหรียญทำน้ำมนต์ นี้ถือเป็นเหรียญเดียวที่สามารถคลายกฎแห่งกรรมได้ (ปกติกฎแห่งกรรม ไม่สามารถคลายหรือลดได้)
เหรียญทำน้ำมนต์ถือว่าเป็นเหรียญที่ทำได้ยากมาก กว่าพระท่านจะทรงอนุญาติให้หลวงพ่อสร้างได้ เพราะครั้งแรกจะต้องใช้ทองคำเท่านั้น แต่หลวงพ่อขอพระท่านจนสำเร็จ
เหรียญนี้พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ลุงพุฒ(ท่านพญายมราช)มาบอกหลวงพ่อ ให้บอกลูกหลานว่า ถ้ามีกำลังใจสูงกำลังใจเข้มข้นแล้ว ก็ไม่ต้องใช้เหรียญทำน้ำมนต์ ให้นึกถึงภาพยันต์น้ำมนต์(ที่อยู่ด้านหลังเหรียญ)ให้อยู่กลางกระหม่อม แล้วก็สวดภาวนาตามวิธีอาราธนาใช้เหรียญไปเรื่อยๆ จะค่อยๆคลายกฎของกรรมได้ ถ้าทำทุกวันต่อไปก็จะเหลือนิดเดียว
*********************************************
ถอดจากเทปพิธีพุทธาพิเษกเหรียญทำน้ำมนต์….
“…เหรียญที่จะได้ไปนี้ทั้งหมด เหรียญชุบทองก็ดี เหรียญเงินก็ตาม เหรียญเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว แผ่นเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว เพราะว่าไม่ได้ทำเพื่อเช่า แต่พันเอกสถาพร เอามาถวาย ได้เงินเท่าไหร่ก็เขาเอาเข้าวัด ทั้งหมดนี้ทุกท่านนำไปบ้าน เอาไปบูชา แล้วก็ทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ มหาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างนะท่านบอกทุกอย่าง…”
-
แหนบรุ่นต่างๆ (รุ่น1-รุ่น5) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
แหนบที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสร้างและแจกให้กับลูกศิษย์ จะมีอยู่ด้วยกัน 5รุ่น โดยสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี20 และได้สร้างต่อๆมาเรื่อยๆ โดยด้านหน้าสร้างเป็นรูปหลวงพ่อ ด้านล่างเขียนตัวอักษรว่า “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง” มีทั้งที่เป็นแบบชุบกะไหล่ทองและชุบกะไหล่เงิน มีรุ่น5ที่เป็นแบบลงยา
ด้านซ้ายขององค์หลวงพ่อ เขียนคำว่า “มะ”
ส่วนอักษรขอมภายใต้อุนาโลมรัศมี มีคำว่า “อะ”
ด้านขวาขององค์หลวงพ่อ เขียนคำว่า “อุ”อ่านรวมกันว่า มะอะอุ เป็นความแยบยลของหลวงพ่อที่ได้เมตตาสั่งสอนเราโดยนัย หากเราได้พิจารณาหาความหมายบนตัวแหนบดังนี้คือ……
“มะ” ย่อ มาจาก มหาปุริสะ หรือ พระมหาบุรุษ ผู้เปี่ยมด้วยบารมีด้วยการการบำเพ็ญ 30 ทิศ มี ศีล เป็นพื้นฐาน มะ ในที่นี้ แทนความหมาย คือ ศีล อันเป็นบาทแรกแห่งการภาวนาทั้งปวง
“อะ” ย่อมาจาก อาโลโก หรือ แสงสว่าง มีความหมายอันเกิดจากจิตที่เป็นสมาธิ เพราะสมาธิ ในขั้นต้นนั้น ต้องปรากฏแสงสว่าง อันเรียกว่า สี หรือ รัศมี ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากอำนาจ สมาธิ ดังนั้น อะ แทนความหมาย คือ สมาธิ อันเป็นบาทที่สอง ของการภาวนา
“อุ” ย่อมาจาก อุตมปัญญา ก็หมายถึงปณิธาน สูงสุด ในพระพุทธศาสนา นั้นคือ ปัญญา ซึ่งปัญญาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นลักษณะพิเศษซึ่งไม่ปรากฏในหมู่ พระสาวกในคือพระสัพพัญญุุตญาณ ซึ่งเป็นคุณของพระพุทธเจ้า อันปรากฏแก่หมู่ชนด้วย ฉัพพรรณรังสี เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้น
ดังนั้นอักขระ
มะ คือ ศีล
อะ คือ สมาธิ
อุ คือ ปัญญาสรุปสุดท้ายหลวงพ่อก็เน้นสอนเราในเรื่องของ ศึล สมาธิ และปัญญา
และวัตถุมงคลที่หลวงพ่อแจกส่วนใหญ่ ก็คือ แหนบรุ่นต่างๆ เหล่านี้ อานุภาพของแหนบส่วนใหญ่ จะเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันสรรพอันตรายทั้งปวง รวมทั้งนิวเคลียร์ ฝนเหลือง โชคลาภ เมตตามหานิยม และอธิษฐานขอพรอื่นๆได้ตามปรารถนา พุทธคุณครอบจักรวาล