เหรียญครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน “เหรียญเศรษฐี” รมดำ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

หลวงพ่อท่านสร้างเมื่อปี พ.ศ.2518 เนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นเหรียญทรงกลม เนื้อรมดำ ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อปานครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นรูปพระพุทธ ยันต์มะอะอุ ตามแบบฉบับพระเนื้อดินที่หลวงพ่อปานท่านได้สร้างไว้เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่ว

แรกเริ่มเดิมทีในวงการเรียกเหรียญนี้ว่า “เหรียญกลมครบรอบ๑๐๐ปีเกิดหลวงปู่ปาน” แต่มาภายหลังจากหลวงพ่อท่านมรณภาพแล้ว มีศิษย์พูดๆกันว่า พระผู้ใหญ่ที่วัดท่านเคยได้ยินหลวงพ่อบอกว่าเหรียญนี้ต่อไปจะอยู่ในคอเศรษฐีเท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นกระแสในการปั่นราคาพระในขณะนั้น พูดให้มีจุดขาย บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ ก็ว่ากันไป..พระหลวงพ่อท่านดีหมด ไม่ว่าจะเรียกชื่อรุ่นกันว่าอะไร ต่อไปก็จะหายากทั้งนั้น ซึ้งต่อมาภายหลังก็เรียกเหรียญรุ่นนี้กันติดปากว่า “เหรียญเศรษฐี”

องค์นี้เป็นเนื้อรมดำ (จะไม่มีโบว์บารมี30ทัศ) สภาพเดิมๆ

******************************************************

รู้ไว้ใช่ว่า ที่มาของชื่อ “เหรียญเศรษฐี”

แรกเริ่มเดิมทีเหรียญนี้เราจะเรียกกันว่า “เหรียญกลม 100ปีเกิดหลวงพ่อปาน” ลูกศิษย์ลูกหาเรียกชื่อนี้กันมานานจนหลวงพ่อท่านละสังขาร แต่หลังจากนั้น ในวงการพระสายหลวงพ่อก็มีการเปลี่ยนมาเรียกว่า “เหรียญเศรษฐี” เพราะมีคำบอกเล่าจากพระผู้ใหญ่ที่วัดท่านนึง (ปัจจุบันท่านมรณะภาพแล้ว) ท่านเล่าว่า…………..ระหว่างหลวงพ่อท่านนั่งรับสังฆทาน ช่วงนั้นก็มีการแจกเหรียญนี้เป็นที่ระลึก ก็มีโยมคนหนึ่งเข้ามาถวายสังฆทาน ถวายเสร็จหลวงพ่อก็แจกเหรียญนี้ให้ โยมคนนั้นก็บอกกับหลวงพ่อประมาณว่า โยมไม่เอา โยมมีพระของหลวงพ่อเยอะแล้ว ให้เอาไว้แจกคนอื่นๆต่อไปดีกว่าครับ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า…รับไปเถอะ ต่อไปเหรียญนี้จะอยู่กับเศรษฐีเท่านั้น เรื่องราวคร่าวๆประมาณนี้………..

แต่ก็ยังไม่มีใครหาเทปหรือบันทึกที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ได้เลย มีการพูดกันในกลุ่มผู้เล่นพระสายหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อมีการกล่าวไว้อย่างนั้นด้วยหรือ มีหลายคนที่ได้ฟังเรื่องราวนี้ ก็เช็คข่าวๆกันว่ามีใครเคยได้ยินเรื่องนี้บ้าง มีใครรู้บ้าง ก็คุยหัวเราะกันไปว่า ขำขำกันไปว่า…สงสัยท่านคงได้ยินแค่คนเดียว

จากนั้นเรื่องราวนี้ก็มีการพูดปากต่อปากไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนเรื่องทำท่าจะไม่มีอะไร ราคากลางพระรุ่นนี้ตอนนั้นก็ไม่ได้มีการขยับขึ้นหวือหวา หลายๆคนก็ยังไม่ได้เรียกว่าเหรียญเศรษฐีด้วยซ้ำไป ยังคงเรียกเหรียญกลม100ปีเกิดหลังพระพุทธ จนมีคนนำเหรียญรุ่นนี้เข้าประมูลในเว๊ปพลังจิต และมีการนำเอาคำกล่าวนี้มาพูดถึง “…ว่าเหรียญนี้จะอยู่ในคอเศรษฐีเท่านั้น…” เป็นจุดขายสำคัญ (ถ้าเปรียบเป็นนักธุรกิจ ก็เรียกได้ว่าตอนนั้นคนนี้เป็นนักการตลาดขั้นเทพ) จุดประเด็นคำพูดนี้จนราคาประมูลขยับขึ้นมาจากราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดราวๆ1เท่าตัว และจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีการนำเหรียญที่2มาลงประมูลอีก คราวนี้ราคาพุ่งทะลุหมื่นกว่าบาท ในวงการพระเครื่องสายหลวงพ่อตะลึ่งกันทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น คราวนี้ก็วิ่งเสาะแสวงหาเหรียญนี้กันยกใหญ่ ราคากลางเริ่มขยับขึ้นมายื่นเหยียบๆหมื่นในช่วงนั้นภายในเวลาไม่ถึงเดือน และก็มีการเรียกชื่อเหรียญนี้ว่า “เหรียญเศรษฐี” กันในวงกว้างขึ้นจนมาถึงปัจจุบันนี้

ที่นำมาเล่าก็แค่อยากให้คนรุ่นหลังๆทราบที่มาที่ไป ว่าทำไมจึงเรียกกันว่า เหรียญเศรษฐี ส่วนความต้องการก็เป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ข้อมูลและข้อเท็จจริงก็เป็นเรื่องที่น่าจะรู้กันไว้ เอามาเล่าสู่กันฟังประดับเป็นความรู้ไม่เสียหายนะ ส่วนเรื่องเล่านี้ หลวงพ่อท่านพูดไว้จริงไหม ต้องไปหาคำตอบกันเอง ผมเองก็ไม่รู้ ก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนๆกัน

แต่ก็มีข้อให้คิดอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงมาเรียกชื่อว่า “เหรียญเศรษฐี” หลังจากหลวงพ่อท่านมรณภาพแล้ว ทำไมไม่มีใครกล่าวอ้างกันตั้งแต่แรกเริ่มว่าหลวงพ่อกล่าวกันไว้แบบนี้ เหมือนกับพระคำข้าวรุ่นปืนแตก (ชื่อนี้ถูกตั้งตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะหลวงพ่อกล่าวไว้เลยว่า ใครเอาไปทดลองยิง ถ้ายิงเกิน3ครั้ง ปืนจะแตก)

ส่วนประเด็นเรื่องเหรียญผิวรมดำรุ่นนี้ มีสร้างที่วัดบางนมโคด้วยเหรอ? ก็ต้องขอตอบตามความเป็นจริง..ว่ามีสร้างด้วย แต่เหรียญผิวรมดำก็มีออกที่วัดท่าซุงด้วยเช่นเดียวกัน แล้วมันจะเป็นไปได้เหรอว่ามีออกที่วัดบางนมโคด้วย โดยใช้บล็อคเดียวกันเลย ก็ต้องลองนึกถึงเหรียญรูปไข่ครบรอบ100ปีเกิดหลวงปู่ปานที่ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร (หรือที่ในวงการพระเครื่องเรียกกันว่า เหรียญบิน) เหรียญนี้ของวัดท่าซุงจะเป็นเหรียญอัลบาก้าตอกเลขไทย ส่วนของวัดบางนมโคเป็นแบบชุบทองตอกเลขอารบิค โดยตัวเหรียญเป็นบล็อคเดียวกัน // หรือจะเป็นอีกรุ่นคือเหรียญเอกราชรุ่น1หลังยันต์เกราะเพชร ถ้าของวัดท่าซุงจะมีตัวอักษรซ้อนด้านหน้า ส่วนของวัดบางนมโคไม่มี แต่รูปลักษณ์ของเหรียญคล้ายกัน // หรือจะเป็นพระบูชา5นิ้วหลวงปู่ปานก็มี องค์ที่ฐานด้านหน้าสลักว่า “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค” พิมพ์นี้จะมี่ออกทั้งที่วัดท่าซุงและที่วัดบางนมโค ซึ่งจากที่กล่าวมา ก็แสดงให้เห็นว่า เหรียญเศรษฐีผิวรมดำ ก็ไม่แปลกอะไรที่วัดบางนมโคจะทำเหรียญนี้ออกมาด้วย เท่าที่ทราบข้อมูลนี้ก็รู้มาจากลูกศิษย์รุ่นเก่า ที่เค้ายืนยันว่าเค้าบูชาเหรียญรมดำนี้มาจากวัดบางนมโค และก็มีเพื่อนๆกันก็เล่าให้ฟังเช่นกันว่า เค้าก็ไปเจอมา เจ้าของบอกว่าบูชามาจากวัดบางนมโคเหมือนกัน

ถ้าย้อนอดีตไปในช่วงพระหลวงพ่อยังไม่มีใครเล่นหากัน ในวงการพระเครื่องสายหลวงพ่อเราจะไม่เล่นผิวรมดำนี้เลยด้วยซ้ำไป เพราะตีไปเป็นของวัดบางนมโคทั้งหมด แต่พอมาหลังๆก็มีการซื้อขายกันหมด ไม่มีการแยกแล้ว แต่ก็แปลก…กลับไม่มีใครบอกว่าเหรียญรุ่นนี้ผิวรมดำนั้นมีออกวัดบางนมโคด้วย เล่นเป็นของวัดท่าซุงทั้งหมดไปเลย แถมมีการนำเหรียญผิวรมดำเอามาชุบทองใหม่เสียอีกจะได้ดูเป็นของวัดท่าซุงแบบไม่ต้องมีประเด็นสงสัยตามมาภายหลัง แถมเอาโบว์ของเหรียญของขวัญวันเกิด (ให้สังเกตุว่าโบว์ด้านหลังจะเรียบ) มาใส่อีก ให้ดูครบถ้วนเหมือนออกจากวัด (ถ้าดูไม่เป็นนะ) เล่นกันสับสนไปหมด ชุบเดิมชุบใหม่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเหรียญผิวรมดำเหรียญไหนออกวัดบางนมโค เหรียญไหนออกวัดท่าซุง คงเป็นคำถามตามมาอีก เหรียญมีทั้งเหรียญหนาและเหรียญบาง…ยังเป็นประเด็นต่อไป (แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว เลือกได้จะเลือกเหรียญบางชุบทองเดิมๆมีโบว์เดิมๆไว้ก่อน ถ้าเป็นรมดำก็เน้นเอาเหรียญบางไว้ก่อน ส่วนใครจะชอบแบบไหน ก็เป็นความชอบของแต่ละคนนะ)

พระของหลวงพ่อท่านดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเรียกชื่อรุ่นกันว่าอะไร ต่อไปก็จะหายากทั้งนั้น จะหาเหรียญรุ่นนี้สะสมไว้ ก็เลือกเอาแบบที่เราชอบแล้วกัน ใครชอบรมดำก็หารมดำ ใครชอบแบบชุบทองเดิมๆมีโบว์เดิมๆก็หาแบบนั้น เลือกเอาแบบที่เราสบายใจแล้วกันเนอะ ^_^