เหรียญ

  • พระยอดนิยม เหรียญ เหรียญ-โชว์

    เหรียญมหาลาภ เนื้อเงิน ปี30 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญมหาลาภ ปี30รุ่นนี้ ถือเป็นเหรียญมหาลาภ รุ่นที่2 เข้าพิธีพุทธาภิเษกในงานสะเดาะเคราะห์ใหญ่ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530 ปลุกเสกพร้อมพระบูชาแก้วใสรุ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระวิสุทธิเทพแก้ว รูปหล่อหลวงปู่ปาน-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระบูชาสุโขทัย ๓ นิ้ว, ๕ นิ้ว, ๙ นิ้ว รูปเหมือนท่านแม่ทั้งสามเนื้อเรซิ่นใส รวมถึงแหวนเพชรจักรพรรดิ์

    ว่ากันว่า….บูชาเหรียญนี้ติดกระเป๋าใส่สตางค์หรือที่เก็บเงิน แล้วเงินจะไม่ขาดมือ อธิษฐานได้ดังหวังตลอด ถ้าจะให้ดี ให้บูชาด้วยคาถาเงินล้าน แล้วปลุกด้วยคาถาหลวงปู่ปาน มีลูกศิษย์นำไปบูชาแล้วได้ผลกันแล้วมากมาย

    เหรียญมหาลาภ รุ่น2 นี้จะเป็นเหรียญคู่ มี 2 แบบ คือ
    1. ด้านหน้ารูปหลวงพ่อ มีชื่อ “พระสุธรรมยานเถระ” ใต้องค์หลวงพ่อ
    ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร เขียนว่า “ทำบุญต่ออายุ พ.ศ.๒๕๓๐”

    2. ด้านหน้ารูปหลวงพ่อ มีชื่อ “พระสุธรรมยานเถระ” ใต้องค์หลวงพ่อ
    ด้านหลังเป็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เขียนว่า “ทำบุญถวายพระราชกุศล ๒๕๓๐”

    แต่ถ้าเป็นเหรียญเนื้อเงิน จะมีแค่แบบที่ 1 (ด้านหน้ารูปหลวงพ่อ ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร) อย่างเดียว จัดสร้างจำนวนไม่มากนัก น่าจะประมาณราวๆ 30เหรียญ

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญยกช่อฟ้าพระอุโบสถวัดท่าซุง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    สร้างเป็นที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าพระอุโบสถวัดท่าซุงและเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปานวัดบางนมโค เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙

    ด้านหน้า สร้างเป็นรูปหลวงพ่อปาน มีข้อความว่า “ครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อปาน” อยู่ด้านบน และ “วัดบางนมโค” อยู่ทางด้านล่าง

    ด้านหลัง เป็นรูปหลวงพ่อ มีข้อความเขียนด้านบนว่า “งานยกช่อฟ้าพระอุโบสถวัดท่าซุง อุทัยธานี ๑๐ ส.ค. ๒๕๑๘” และ “พระมหาวีระ ถาวโร ศิษย์หลวงพ่อปาน” อยู่ด้านล่างของเหรียญ

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญรุ่นสร้างหอพระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญรุ่นสร้างหอพระ สร้างขึ้นโดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อเฉลิมฉลองพระชนม์มายุองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ อายุครบ 60 พรรษา โดยนำเหรียญมหาลาภ ปี30มาแก้ไขบล็อคด้านหลังใหม่ เป็เหรียญรมดำ จัดสร้างเมื่อปี30

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญรูปในหลวง รัชกาลที่9 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เป็นเหรียญคู่ที่ระลึกมี สีเงินและสีทอง สร้างเป็นที่ระลึกโดยเสด็จพระราชกุศล งานผูกพัทธสีมา ศูนย์ศิษย์หลวงปู่ปาน วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๒๐

    ด้านหน้าเป็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ในวงกลม มีมงกุฏรัศมีด้านบน ส่วนด้านหลังเขียนคำว่า “ร.๙” สร้างขึ้นเพื่อแจกให้กับทหาร ตำรวจและอาสาสมัครที่นับถือศาสนาอื่น เหรียญนี้มีทั้งแบบห่วงธรรมดา และแบบแขวนภายใต้เข็มกลัดรูปฉัตรลงยา 3ชั้น

    ********************************************************************************************

    ประวัติการสร้าง

    ในปีพ.ศ.2518-2525 ยุคภัยสงครามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
    หลวงพ่อเดินทางไปให้ขวัญและกำลังใจเหล่าทหารหาญและตำรวจตระเวณชายแดนทั่วประเทศและแจกวัตถุมงคล

    เมื่อมาถึงภาคใต้เหล่าทหารที่นับถือศาสนาอื่นๆได้บอกกับหลวงพ่อว่า เขาไม่สามารถที่จะรับวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระได้ เพราะหลักศาสนาห้ามไว้ แต่ก็อยากได้วัตถุมงคลไว้คุ้มครองตัว หลวงพ่อจึงได้คิดหาวิธีสร้างอย่างอื่นที่ไม่ใช่รูปพระ เพื่อให้ทหารที่นับถือศาสนาอื่นๆสามารถรับไปคุ้มครองตัวได้โดยไม่ผิดหลักศาสนา จึงได้สร้างเป็นรูปในหลวงขึ้นในปี 2520 เพราะหลวงพ่อทราบดีว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบารมียิ่งใหญ่ และเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็มขั้นปรมัตถบารมี บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขย ด้วยพระบารมีของในหลวงสามารถที่จะคุ้มครองเหล่าทหารและตำรวจตระเวณชายแดนเหล่านั้นให้แคล้วคคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายทุกประการได้ ด้วยพระบารมีปกเกล้าแผ่ยิ่งใหญ่ไพศาล

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญสามัคคีมีสุข – กูผู้ชนะ รุ่น1 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญสามัคคีมีสุข – กูผู้ชนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง สร้างเมื่อปี2521 จำนวนการสร้างประมาณ 1ล้านเหรียญ จะมีอยู่ด้วยกัน 2แบบ คือ

    1. เหรียญโลหะรมดำ ปลุกเสกเมื่อวันวิสาขบูชา ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ถือเป็นรุ่นแรก
    2. เหรียญโลหะชุบทอง ปลุกเสกเดือนเมษายน ๒๕๒๘ ถือเป็นรุ่นที่2

    เหรียญทั้งสองชนิด ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ส่วนด้านหลังเป็นรูปพระเจ้าตากสินมหาราช และมีข้อความด้านบนว่า กูผู้ชนะ

    เหรียญนี้ เด่นด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี คืออยู่ยงคงกระพันมาก ชนะข้าศึกศัตรูหมู่อมิตรที่คิดร้าย มีประสบการณ์มาก จากทหาร-ตำรวจตระเวณชายแดน

    **************************************************

    หลวงพ่อได้ชี้แจงเรื่องการสร้างเหรียญนี้ไว้ดังนี้

    “อาตมาทำเหรียญพิเศษ ให้นามว่า “กูผู้ชนะ” แจกแด่ท่านที่ร่วมกุศลสาธารณประโยชน์ สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร โดยเอาเงินที่ได้จากการแจกเหรียญนี้ซื้ออุปกรณ์ในการแจกของ จำนวนที่ทำมีจำนวนจำกัดไม่มากนัก เริ่มทำการปลุกเสก วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ตรงกับวันวิสาขบูชา จะเริ่มทำการแจกวันเข้าพรรษา คือ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เป็นต้นไป
    อัตราบำเพ็ญกุศล เดิมมิได้กำหนดไว้ อยากจะให้เป็นไปตามศรัทธาของท่านผู้รับ และตั้งใจทำบุญ มีหลายท่านแจ้งมาว่า คนจนที่มีเงินน้อย บางท่านอยากจะได้ไว้มาก เพื่อให้เพียงพอแก่คนในครอบครัว เห็นคนอื่นทำบุญมาก และได้รับเหรียญเดียว ตนเองยากจน ครั้นจะบริจาคมากก็ไม่มีพอ ขอให้กำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ เพื่อความสบายใจของท่านผู้รับ อาตมาขอกำหนดอัตราสำหรับบริจาคสงเคราะห์ผู้ยากจนไว้ดังนี้ ท่านผู้รับจะรับเหรียญนี้ได้ โดยที่ท่านบริจาคทรัพย์ร่วมสาธารณกุศลตั้งแต่ ๑๐ บาท ขึ้นไป ถ้าไม่เกรงใจคนที่บอกว่ายากจน จะไม่กำหนดราคาเลย

    สำหรับเหรียญ “กูผู้ชนะ” นี้ ไม่มีวางแจกหรือขายในที่ใดทั้งหมด ทุกท่านจะได้รับจากอาตมาเองแห่งเดียว

    พระมหาวีระ ถาวโร
    ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    (คัดลอกมาจากหนังสือ “สมบัติพ่อให้” ของวัดท่าซุง (๑๕ มีนาคม ๒๕๓๕)

    **********************************************************

    ประวัติการสร้างเหรียญ “กูผู้ชนะ” ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำหลวงพ่อท่านเล่าดังนี้..

    …อย่าง พระเจ้าตากสิน นั่นต้องเรียกว่า น้ำใจเข้มแข็ง ขนาดข้าศึกล้อมอยู่แบบนั้น ท่านกับกำลังพล 500 ตีฝ่าข้าศึก ไม่ใช่ของง่ายเลยนะ ใช่ไหม ? คือไม่ใช่ของง่ายเลย ก็ยังมีลูกหาบอีก ไอ้ลูกหาบนี่ ดีไม่ดี ลูกหาบตาย นี่ไอ้รุ่นหน้าตีไป รุ่นหลังต้องประคองลูกหาบอีก สามารถเอาลูกหาบเสบียง เอาไปบ้างตามควรนิดหน่อย นี่เป็นนักรบที่มีฝีมือดี ถ้าใจไม่เข้มแข็งจริงๆ จะกล้าตีข้าศึกไปได้อย่างไร กำลังนิดเดียวใช่ไหม แล้วไอ้ภายในประเทศก็ไม่ดี เสียครั้งแรก ตั้งกรุงศรีอยุธยามา 190 ปีเศษ แล้วมาครั้งที่ 2 นี่ 190 ปีเศษ

    กรุงเทพฯ เวลานี้ยุ่งๆ นะ 190 ปีเศษเหมือนกัน ชะตาประเทศไทย ถ้าถึง พ.ศ. 2525 นะ ครบ 200 ปี พ้นเขต นี่เวลานี้มันเข้าเขตแล้วนะแต่ว่าช่วงจังหวะนี้มันเข้าจังหวะเกณฑ์ เขาเรียกว่า เข้าเกณฑ์ดี จังหวะนี้ ตั้งแต่นี้ต่อไป เข้าเกณฑ์ดี ท่านถึงบอกให้ทำ “เหรียญกูผู้ชนะ” พระเจ้าตากสินให้ทำ ทีแรกจะทำก็ล้อเล่นๆ หลวงปู่แหวนท่านทำ เหรียญเราสู้ ปีที่แล้วไปกองบัญชาการทหารสูงสุด บอก เฮ้ย! ไอ้แค่ เราสู้ ยังแค่กัน กูสู้ว่ะ! ไอ้พวกนั้น ฮาตึง! บอก ดีครับๆ เราก็คิด พูดส่งไปตั้งปีที่แล้ว ไม่ได้คิดจะทำ มาปีนี้ท่านสั่งทำ บอก”เราสู้—ก็แค่นั้นแหละ กูสู้–ก็แค่นั้น ยังสู้ ต้อง “กูผู้ชนะ” ถามท่านว่าทำไม ท่านบอก เวลานี้มันถึงเกณฑ์ชนะแล้ว ถาม เอารูปใคร บอก เอารูปผม บอก เอ้า ไม่ยกย่องตนเองเกินไปหรือ รัชกาลที่ 1 ก็เก่งใช่ไหม กรมพระราชวังบวร ท่านก็เก่ง ท่านบอกว่า ในฐานะที่ผมเป็นผู้นำ ก็ตามไปดูประวัติสิ ประวัติที่ ตากสินกู้ชาติ เคยแพ้จุดไหนบ้าง แน่ะ! เอาถึงอย่างนั้นเสียด้วย เลยต้องเอาตามท่าน เอา “กูผู้ชนะ” ก็เลยทำขึ้น ท่านสั่งทำ เวลาทำ ท่านก็มาทำด้วย ท่านทำด้วยเสร็จ

    (คัดจาก หนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เล่ม 14 หน้า 336เรื่อง สนทนาหลังกรรมฐาน 25 วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2521)

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญสามัคคีมีสุข – กูผู้ชนะ รุ่น2 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญสามัคคีมีสุข – กูผู้ชนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง สร้างเมื่อปี2521 จำนวนการสร้างประมาณ 1ล้านเหรียญ จะมีอยู่ด้วยกัน 2แบบ คือ

    1. เหรียญโลหะรมดำ ปลุกเสกเมื่อวันวิสาขบูชา ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ถือเป็นรุ่นแรก
    2. เหรียญโลหะชุบทอง ปลุกเสกเดือนเมษายน ๒๕๒๘ ถือเป็นรุ่นที่2

    เหรียญทั้งสองชนิดด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ส่วนด้านหลังเป็นรูปพระเจ้าตากสินมหาราช และมีข้อความด้านบนว่า กูผู้ชนะ

    ****************************************************

    หลวงพ่อได้ชี้แจงเรื่องการสร้างเหรียญนี้ไว้ดังนี้

    “อาตมาทำเหรียญพิเศษ ให้นามว่า “กูผู้ชนะ” แจกแด่ท่านที่ร่วมกุศลสาธารณประโยชน์ สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร โดยเอาเงินที่ได้จากการแจกเหรียญนี้ซื้ออุปกรณ์ในการแจกของ จำนวนที่ทำมีจำนวนจำกัดไม่มากนัก เริ่มทำการปลุกเสก วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ตรงกับวันวิสาขบูชา จะเริ่มทำการแจกวันเข้าพรรษา คือ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เป็นต้นไป
    อัตราบำเพ็ญกุศล เดิมมิได้กำหนดไว้ อยากจะให้เป็นไปตามศรัทธาของท่านผู้รับ และตั้งใจทำบุญ มีหลายท่านแจ้งมาว่า คนจนที่มีเงินน้อย บางท่านอยากจะได้ไว้มาก เพื่อให้เพียงพอแก่คนในครอบครัว เห็นคนอื่นทำบุญมาก และได้รับเหรียญเดียว ตนเองยากจน ครั้นจะบริจาคมากก็ไม่มีพอ ขอให้กำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ เพื่อความสบายใจของท่านผู้รับ อาตมาขอกำหนดอัตราสำหรับบริจาคสงเคราะห์ผู้ยากจนไว้ดังนี้ ท่านผู้รับจะรับเหรียญนี้ได้ โดยที่ท่านบริจาคทรัพย์ร่วมสาธารณกุศลตั้งแต่ ๑๐ บาท ขึ้นไป ถ้าไม่เกรงใจคนที่บอกว่ายากจน จะไม่กำหนดราคาเลย

    สำหรับเหรียญ “กูผู้ชนะ” นี้ ไม่มีวางแจกหรือขายในที่ใดทั้งหมด ทุกท่านจะได้รับจากอาตมาเองแห่งเดียว

    พระมหาวีระ ถาวโร
    ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    (คัดลอกมาจากหนังสือ “สมบัติพ่อให้” ของวัดท่าซุง (๑๕ มีนาคม ๒๕๓๕)

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญสามัคคีมีสุข – กูผู้ชนะ รุ่น3 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ถือเป็นเหรียญสามัคคีมีสุข รุ่นที่3  จัดทำออกมา 2แบบ โดยสร้างด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ (แบบหลวงพ่อใบหน้าใหญ่) เหมือนกัน ต่างกันที่เหรียญด้านหลัง คือ

    • แบบที่1 ด้านหลังเป็นรูป พระเจ้าตากสินมหาราช มีเขียนข้อความด้านบนว่า กูผู้ชนะ
    • แบบที่2 ด้านหลังเป็นรูป พระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างพลายประกายแก้ว มีเขียนข้อความด้านล่างว่า ไพรีพินาศ

    จัดสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2528

    ***************************************************************

    หลวงพ่อได้ชี้แจงเรื่องการสร้างเหรียญนี้ไว้ดังนี้

    “อาตมาทำเหรียญพิเศษ ให้นามว่า “กูผู้ชนะ” แจกแด่ท่านที่ร่วมกุศลสาธารณประโยชน์ สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร โดยเอาเงินที่ได้จากการแจกเหรียญนี้ซื้ออุปกรณ์ในการแจกของ จำนวนที่ทำมีจำนวนจำกัดไม่มากนัก เริ่มทำการปลุกเสก วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ตรงกับวันวิสาขบูชา จะเริ่มทำการแจกวันเข้าพรรษา คือ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เป็นต้นไป
    อัตราบำเพ็ญกุศล เดิมมิได้กำหนดไว้ อยากจะให้เป็นไปตามศรัทธาของท่านผู้รับ และตั้งใจทำบุญ มีหลายท่านแจ้งมาว่า คนจนที่มีเงินน้อย บางท่านอยากจะได้ไว้มาก เพื่อให้เพียงพอแก่คนในครอบครัว เห็นคนอื่นทำบุญมาก และได้รับเหรียญเดียว ตนเองยากจน ครั้นจะบริจาคมากก็ไม่มีพอ ขอให้กำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ เพื่อความสบายใจของท่านผู้รับ อาตมาขอกำหนดอัตราสำหรับบริจาคสงเคราะห์ผู้ยากจนไว้ดังนี้ ท่านผู้รับจะรับเหรียญนี้ได้ โดยที่ท่านบริจาคทรัพย์ร่วมสาธารณกุศลตั้งแต่ ๑๐ บาท ขึ้นไป ถ้าไม่เกรงใจคนที่บอกว่ายากจน จะไม่กำหนดราคาเลย

    สำหรับเหรียญ “กูผู้ชนะ” นี้ ไม่มีวางแจกหรือขายในที่ใดทั้งหมด ทุกท่านจะได้รับจากอาตมาเองแห่งเดียว

    พระมหาวีระ ถาวโร
    ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    (คัดลอกมาจากหนังสือ “สมบัติพ่อให้” ของวัดท่าซุง (๑๕ มีนาคม ๒๕๓๕)

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญสามัคคีมีสุขเลี่ยมผ้ายันต์ธงพิชัยสงคราม กรอบสี (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    หลวงพ่อได้สร้างเหรียญสามัคคีมีสุข-กูผู้ชนะ ด้านหลังเป็นรูปพระเจ้าตากสินทรงม้า เนื้อโลหะรมดำ เมื่อวันวิสาขบูชา ที่ 21 พฤษภาคม 2521 และได้สร้างเหรียญนี้อีกครั้งเมื่อเดือนเมษายน ปี2528 แต่ทำเป็นโลหะสีทอง และได้นำมาเลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นยันต์ที่อยู่บนยอดธงออกรบสมัยโบราณ ตำราวิชานี้เป็นตำราพระร่วงที่หลวงพ่อเราสืบทอดมาเป็นท่านสุดท้าย..ถึงแม้ท่านอื่นนำไปทำผลมากที่สุดจะแค่ 10% เท่านั้นท่านบอกไว้

    เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้

    ๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย
    ๒. ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย
    ๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
    ๔. เวลาทำพิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้
    ๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย
    มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย

    ****************************************************************

    เท่าที่เห็นมา รุ่นนี้ที่เลี่ยมกรอบสีเดิมๆจากวัดจะมีอยู่ด้วยกัน 4สี คือ สีเหลือง สีน้ำตาล สีแดง และสีส้ม

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญสุปฏิปันโน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    หลวงพ่อดำริให้สร้างเหรียญคู่ “สุปฏิปันโน” ขึ้นเมื่อปี ๒๕๒๐ โดยสร้างเป็นรูปครูบาอาจารย์ และพระสหธรรมมิกของท่าน ซึ่งล้วนแต่พระอรหันต์และพุทธภูมิปรมัตถบารมี เป็นพระสุปฏิปันโนทั้งสิ้น โดยมีรูปของแต่ละองค์บนเหรียญ ด้านละ ๔ รูป จัดสร้างเป็นเหรียญคู่มี 2แบบ คือ

    แบบที่ 1 (ด้านหน้า)
    – หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
    – หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
    – หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดถ้ำเขาบุนนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
    – หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดจันทราราม (วัดท่าซุง) จ.อุทัยธานี
    (ด้านหลัง)
    – หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    – หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    – หลวงปู่ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
    – หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ

    แบบที่2 (ด้านหน้า)
    – หลวงปู่ครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน
    – หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    – หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย อ.เมือง จ.ลำพูน
    – หลวงปู่ครูบาบุญทืม พรหมเสโน วัดจามเทวี อ.เมือง จ.ลำพูน
    (ด้านหลัง)
    – หลวงปู่คำแสน อินทะจักโก (พระครูสุคันธศีล) วัดสวนดอก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    – หลวงปู่ครูบาอินทจักรรักษา วัดน้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
    – หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
    – หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ปี2526 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เป็นเหรียญโลหะคู่สีทองและสีเงิน หลวงพ่อเมตตาปลุกเศกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2526

    ลักษณะ ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ด้านหลังเป็นรูปยันต์เกราะเพชร มีสองแบบคือ เนื้อโลหะชุบทอง และเนื้อโลหะชุบเงิน พุทธคุณเด่นทางด้านแคล้วคลาดและคุ้มครองตามแบบฉบับของยันต์เกราะเพชรของหลวงปู่ปาน

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญหลวงพ่อทิม (พระครูภาวนาพิริยคุณ) – หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    หลังจากที่หลวงพ่อได้รับกิจนิมนต์ไปบวงสรวงที่วัดภาวนาภิรตาราม บางกอกน้อย ท่านได้ปรารภว่า วัดนี้มีอดีตเจ้าอาวาสชื่อ พระครูภาวนาพิริยคุณ หรือหลวงพ่อทิม ซึงเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่ปาน โดยดำริให้ทำรูปท่านทั้งสองอยู่ในเหรียญเดียวกัน ดร.ปริญญา นุตาลัย และ ดร.ชาลินี เนียมสกุล จึงรับเป็นเจ้าภาพสร้างถวาย แต่ติดขัดที่ไม่มีใครรู้จักหลวงพ่อทิม และไม่ทราบว่าหน้าตาท่านเป็นอย่างไร หลวงพ่อท่านจึงบอกให้เอารูปหลวงปู่ตื้อเป็นแบบอย่าง ตอนแกะพิมพ์ให้บอกช่างว่าอย่าฝืนมือ

    เหรียญนี้สร้างออกมาโดยด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อทิม (พระครูภาวนาพิริยคุณ) วัดภาวนาภิรตาราม ส่วนด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค จัดสร้างเมื่อ ปี2519 ทั้งหมดจำนวน 10,000 เหรียญ หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกและแจกครั้งแรกที่วัดภาวนาภิรตาราม ส่วนที่เหลือได้ถวายไว้ให้กับทางวัดภาวนาภิรตารามทั้งหมด

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญหลวงพ่อยืน ถือไม้เท้า (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) ปี 2530

    เหรียญนี้สร้างด้วยโลหะ สีนาค สร้างเมื่อปี 2530 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อยืนถือไม้เท้า มีข้อความด้านหน้าเขียนว่า “พระสุธรรมยานเถระ (ฤาษีลิงดำ)” ด้านล่างเขียนว่า “วัดจันทราราม (ท่าซุง) อุทัยธานี” ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร พุทธคุณป้องกันอันตรายทั้งปวง ป้องกันทั้งคุณผีและคุณคนได้ทั้งหมด

    *****************************************

    องค์นี้ได้รองแชมป์ที่3 งานใหญ่ ที่ ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2555

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเกลียวเชือก – เหรียญบินเล็ก เลี่ยมเดิมๆพร้อมผ้ายันต์ธงท้าวมหาชมภู (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ทางวัดได้นำเหรียญครบรอบ๑๐๐ปีเกิดหลวงปู่ปานพิมพ์เล็ก (หรือที่เราเรียกกันว่า เหรียญบินเล็ก) และเหรียญเกลียวเชือก รุ่นแรก นำมาเลี่ยมพร้อมผ้ายันต์ธงท้าวมหาชมภู ในกรอบองค์เดียวกัน แบบนี้เป็นเลี่ยมเดิมๆจากทางวัด ไม่ค่อยมีให้เห็น ถือว่าหายากมากๆรายการนึง

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเกลียวเชือก – เหรียญบินใหญ่ เลี่ยมเดิมๆพร้อมผ้ายันต์ธงพระแม่โพสพ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    ทางวัดได้นำเหรียญครบรอบ๑๐๐ปีเกิดหลวงปู่ปานพิมพ์ใหญ่ (หรือที่เราเรียกกันว่า เหรียญบินใหญ่) และเหรียญเกลียวเชือก รุ่นแรก นำมาเลี่ยมพร้อมผ้ายันต์ธงพระแม่โพสพ ในกรอบองค์เดียวกัน แบบนี้เป็นเลี่ยมเดิมๆจากทางวัด ไม่ค่อยมีให้เห็น ถือว่าหายากมากๆรายการนึง

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเกลียวเชือกรุ่นแรก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง (พิมพ์เสริม) ปี17

    ใช้บล็อคเดียวกับพิมพ์แรก แต่ก็มีอยู่ด้วยกันหลายบล็อค สร้างเสริมครั้งที่2 เมื่อปี 2517

    เป็นพระเหรียญเนื้อโลหะ ชุบเนื้ออัลปากา ผิวเหรียญจะมีความมันวาว
    ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อปาน มีคำว่า “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค” อยู่ใต้รูป
    ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ ใต้รูปเขียนว่า “พระมหาวีระ ศิษย์หลวงพ่อปาน”

    จำนวนการสร้าง ทั้งหมดประมาณ 10,000 เหรียญ

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเกลียวเชือกรุ่นแรก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง (พิมพ์แรก_ไม่ชุบ)

    เหรียญเกลียวเชือกรุ่นแรก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง สร้างเมื่อ ปี 2516

    เป็นพระเหรียญเนื้อโลหะ ผิวออกสีเหลืองด้านๆ (ไม่ชุบกะไหล่)
    ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อปาน มีคำว่า “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค” อยู่ใต้รูป
    ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ ใต้รูปเขียนว่า “พระมหาวีระ ศิษย์หลวงพ่อปาน”

    จำนวนการสร้าง ทั้งหมดประมาณ 1,000 เหรียญ

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเลี่ยมผ้ายันต์ธงพิชัยสงคราม (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เท่าที่เคยเห็นมา เหรียญหน้าเดียวหลวงพ่อที่เลี่ยมพร้อมผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามแบบเลี่ยมเดิมๆจากวัดจะมีอยู่ด้วยกัน 3แบบ คือ

    1. เหรียญสามัคคีมีสุข (หน้าเล็ก) ด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระเจ้าตากสินทรงม้า “กูผู้ชนะ”
    2. เหรียญกูผู้ชนะ-ไพรีพินาศ (หน้าใหญ่) ด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างประกายแก้ว “ไพรีพินาศ”
    3. เหรียญสามัคคีมีสุข (หน้าใหญ่) ด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างประกายแก้ว “ไพรีพินาศ”

    ***************************************************************************

    เรื่องเล่าอานุภาพ ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม

    ในสมัยนั้นผกค.มีอิทธิพลสูง ได้ยึดเทือกเขาภูพานเป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า หากจะตีเขาได้จะต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ พล.ต.ยุทธศิลป์ เกสรสุข (ยศในขณะนั้นปัจจุบันมียศพล.ท.) ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ จึงนำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเป็นพระ จะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านก็มีวิธีช่วยเป็นกำลังใจให้กับทหารได้ดังนี้

    ๑. ท่านเดินทางไปพร้อมกับคณะ เพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อนที่ฐานทัพของทหาร
    ๒. แจกผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้นทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)
    ๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีกันรบกัน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรกันนั้น พระท่านต้องอุเบกขา

    ผมจำได้ว่า หลวงพ่อทำพิธีตั้งแต่เช้ามาก เพราะจากรูปถ่ายที่ นาวาตรีประชา สิกขวานิช ร.น.ถ่ายไว้ ปรากฏพุทธนิมิตเป็นฉัตร ๕ ชั้น ทอดมาตามแสงแดดครอบคลุมองค์หลวงพ่อเท่านั้น ยังทำมุมน้อยมาก (มีรูปถ่ายอยู่ที่บ้านสายลม และที่วัดท่าซุง) หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ เพื่อฟังบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร เมื่อบรรยายจบปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาดถามได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้พวกผกค.เขาอยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอาไม้เท้าช่วยชี้ไปในแผนที่ทหาร ปรากฏว่าท่านชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิดหรือต้องเสียเวลา เหล่าทหารต่างร้องอือพร้อม ๆ กันหลายคน และบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางคนไม่ฉลาดถามก็ถามวิธีเข้าโจมตี หลวงพ่อท่านก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนวิธีถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ จากนั้นก็คุยกันในเรื่องอื่น ๆ ผมฟังไป ๆ คงจะตื่นเต้นมาก เลยเกิดทุกข์หนัก ต้องขอตัวขอเวลานอกไปพิจารณาทุกข์ที่ห้องสุขา และผมคงจะพิจารณาทุกข์ ขณะกำลังบรรเทาทุกข์แล้วมีผล คือ เห็นอริยสัจ เพราะธรรมะของพระองค์ท่านแนะนำวิธีปฏิบัติไว้ชัดว่าให้ปฏิบัติตลอดเวลาทุกเวลา ทุกโอกาส ทุกสถานที่ และทุกอิริยาบถ คือ เป็นอกาลิโก ผมก็ปฏิบัติตามท่านอย่างเพลิดเพลิน พอจบภารกิจส่วนตัวของผมแล้ว ก็ออกมารีบเดินเข้าห้องยุทธการ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว ชักใจไม่ดีรีบวิ่งออกมาข้างนอก ก็ปรากฏว่ารถหลวงพ่อและคณะหายไป ไม่พบใครสักคนเลย หันรีหันขวางอยู่ บังเอิญมีนายทหารท่านหนึ่งท่านจำผมได้ เห็นผมจึงถามว่าคุณมากับหลวงพ่อใช่ไหม ผมก็ตอบว่าใช่ครับ ทหารผู้นั้นก็บอกว่าหลวงพ่อกับคณะไปนานแล้ว คุณไปอยู่ที่ไหนมา ก็ตอบไปว่าอยู่ในห้องน้ำครับ ท้องมันไม่ค่อยดี ขณะนั้นผมเองรู้สึกเง็งไปหมด (ไม่ใช่งง เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เกินกว่างง) แต่เคราะห์ยังดีที่ นายทหารท่านนั้นช่วยแก้สถานการณ์ให้ทันควัน โดยส่งรถจิ๊ปเล็ก พร้อมคนขับให้ผมกระโดดขึ้นพร้อมกับท่านรีบบึ่งตามคณะหลวงพ่อไปจนทัน การปฏิบัติธรรมของผมเป็นที่ครื้นเครงของพวกเราทุก ๆ คนที่ได้หัวเราะกันจนฉี่จะออก

    หลังจากที่หลวงพ่อและคณะได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหารตามหน่วยต่าง ๆ แล้วก็กลับไปกทม. และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พล.ต.ยุทธศิลป์ ก็สั่งทหารแค่หนึ่งกองร้อยเข้าโจมตีที่มั่นของผกค.เป็นการหยั่งเชิง โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่ข้างบนเครื่องบิน ผลปรากฏว่าดีมากเกินคาดหมาย แต่มีรายงานจากวิทยุว่ามี ทหารเสียชีวิต ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร เพราะท่านมั่นใจว่า ทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น จึงสั่งลงมาจากเครื่องบินให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบอะไรติดตัวบ้าง โดยเฉพาะผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่าไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมากที่เขาไม่พกเอาผ้ายันต์แดงแดงไปด้วยทั้ง ๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวกลับฐานทัพ ก็สอบข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์สีแดง ก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามาเมื่อวานนี้เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ.ปากห่อ) ท่านจึงถึงบางอ้อ

    วันที่สอง ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็นสองกองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุจากไม่มีผ้ายันต์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่นความลับไม่มีในโลกทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าวรู้อิทธิปาฏิหาริย์ของผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามกันหมด ผลก็คือ ทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์ สีแดง จะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ ดังนั้น เพื่อขวัญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้นเพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุกคน

    วันที่ ๓ ทุกคนมีขวัญและกำลังใจเต็ม ๑๐๐% ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่าสามารถยึดฐานใหญ่และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมดชนิดที่ผกค. ขวัญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี้ทหารทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใครยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อ ๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยเวลาอันสั้น และไม่มีใครเสียชีวิตเลย ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็นผกค. ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใดก็ไม่โดนตัว หรือโดนก็ไม่เข้าคงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่ทำจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผน ท่านเป็นแม่ทัพเสกหุ่นให้เป็นทหารรบที่ไหนก็ชนะหมด) พอหลวงพ่อท่านทราบข่าวจากท่านรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้นในวันต่อมา

    หลังจากได้คุยกับทหารหน่วยพิเศษนี้แล้ว ผมพอจะสรุปผลย่อ ๆ ได้ดังนี้
    ๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค.ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญ่บอกว่าไม่โดนแต่เฉี่ยวหรือเฉียดตัวไป รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งมาเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว
    ๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้าย ๆ มีแมลงหรือผึ้งบินมาชนตัวเท่านั้น
    ๓. มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่าว่าขณะที่เดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิ่งปืนใส่ข้าศึกบ้าง รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่แปลกใจว่าทำไมมาม่ามันถึงแข็งและเหนี่ยวนัก เลยคายออกมาจากปากดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่ข้าศึกยิงมาโดนตัวแต่ไม่เข้า ลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่
    ๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้น บางครั้งก็มองเห็นข้าศึกที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง เห็นตามันค้างคล้ายกับหุ่นหรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารณ์ว่าคงเป็นอานุภาพของผ้ายันต์แดง ทำให้เกิดอาการ นะจังงังขึ้น หรือเพราะมันตกใจจริง ๆ ที่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่ยอมหลบลูกปืน จึงมีสภาพคล้ายเห็นผี แล้วตกใจตาค้าง
    ๕. เรายึดได้ฐานใหญ่มากจนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้มีทั้งร.พ.และเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพละศึกษา, สนามบาส, โรงครัวขนาดใหญ่พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี, อาวุธมากมาย, เครื่องปั่นไฟและน้ำมัน โดยเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองแม่ทัพบอกว่าต้องใส่รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด แสดงว่ามันมีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ใช้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่มานานหลายปี
    ๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากจะยึดพื้นที่ไว้ก็เสี่ยงเกินไปเพราะตอนกลางคืน มันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็นผกค. ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ ๆ เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก
    ๗. เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นตันมา ผกค.ก็หายซ่าไปเลย

    เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมาก ยากที่ผมจะเล่าให้ฟังหมดได้ และโดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไป ผลมันแทนที่จะมากตามส่วนกลับไม่ได้ผลหรือกลับเป็นผลเสีย เช่น ยาทุกชนิด หากใช้เกินขนาดล้วนเป็นโทษแก่ผู้ใช้ทั้งสิ้น ร่างกายของคนก็เช่นกัน หากส่วนใดเจริญมากไป ก็กลายเป็นมะเร็ง สมจริงตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ใน ปฐมเทศนาความว่าอย่าตึงไป (เครียดเกินไป) อย่าหย่อนไป (อยากมากเกินไป,ขี้เกียจมากไป) จะไม่มีผล ให้เดินสายกลาง ผมจึงต้องขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้ แต่ก่อนจะจบ ขอสรุปเรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงครามไว้ เพื่อเตือนความจำ ดังนี้

    ๑. ความศักดิ์สิทธิ์ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น
    ๒. ผู้นำไปใช้หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจรปล้น-ฆ่าเขา-ขโมยเขา ธงนี้จะไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิงลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุออกท้ายทอยทุกราย
    ๓. ธงมหาพิชัยสงครามไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
    ๔. เวลาทำพิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงครามกับผ้ายันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกันทุกประการ ใช้แทนกันได้
    ๕. เรื่องป้องกันหรือบรรเทาอุบัติเหตุไฟไหม้บ้าน, พายุใหญ่ หรือวาตภัย มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่ที่ความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย…สาธุ

    :เหตุการณ์ระหว่างปี ๒๕๑๘-๒๕๒๐ เล่าโดยพล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวนคัดบางตอนจากหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ หรือที่เราเรียกกันทั่วๆไปว่า “เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์” สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสหลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญเปรียญ วิ.(ป.ธ.4 น.ธ. เอก) ที่พระสุธรรมยานเถระ เมื่อปี 2528 ลักษณะเหรียญเป็นรูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ คล้ายพัดสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ปกติทั่วไปจะมีโค๊ดตอกที่บริเวณผ้าสังฆาฏิ__แต่เหรียญนี้ไม่มีตอกโค๊ต__ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ท้าวมหาชมภู ด้านบนเขียนข้อความว่า “ที่รฤกในงานฉลองสมณศักดิ์” “๒๕ มี.ค. ๒๕๒๘” และด้านล่างเขียนข้อความว่า “พระสุธรรมยานเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี” พระอาจารย์สุทิน อายุวัฒโก วัดสะแก จังหวัดอยุธยา เป็นผู้สร้างถวาย ประมาณ 6,000เหรียญ

    ลูกศิษย์หลวงพ่อเชื่อกันว่า ใครมีเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ไว้บูชา หน้าที่การงานก็จะเจริญก้าวหน้า เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป

    Read more
  • พระยอดนิยม เหรียญ

    เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ เนื้อเงิน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ หรือที่เราเรียกกันทั่วๆไปว่า “เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์” สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสหลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญเปรียญ วิ.(ป.ธ.4 น.ธ. เอก) ที่พระสุธรรมยานเถระ เมื่อปี 2528 ลักษณะเหรียญเป็นรูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ คล้ายพัดสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ปกติทั่วไปจะมีโค๊ดตอกที่บริเวณผ้าสังฆาฏิ__แต่เหรียญนี้ไม่มีตอกโค๊ต__ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ท้าวมหาชมภู ด้านบนเขียนข้อความว่า “ที่รฤกในงานฉลองสมณศักดิ์” “๒๕ มี.ค. ๒๕๒๘” และด้านล่างเขียนข้อความว่า “พระสุธรรมยานเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี” พระอาจารย์สุทิน อายุวัฒโก วัดสะแก จังหวัดอยุธยา เป็นผู้สร้างถวาย ประมาณ 6,000เหรียญ

    ลูกศิษย์หลวงพ่อเชื่อกันว่า ใครมีเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ไว้บูชา หน้าที่การงานก็จะเจริญก้าวหน้า เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ไม่ตอกโค๊ต (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ หรือที่เราเรียกกันทั่วๆไปว่า “เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์” สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสหลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญเปรียญ วิ.(ป.ธ.4 น.ธ. เอก) ที่พระสุธรรมยานเถระ เมื่อปี 2528 ลักษณะเหรียญเป็นรูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ คล้ายพัดสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ปกติทั่วไปจะมีโค๊ดตอกที่บริเวณผ้าสังฆาฏิ__แต่เหรียญนี้ไม่มีตอกโค๊ต__ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ท้าวมหาชมภู ด้านบนเขียนข้อความว่า “ที่รฤกในงานฉลองสมณศักดิ์” “๒๕ มี.ค. ๒๕๒๘” และด้านล่างเขียนข้อความว่า “พระสุธรรมยานเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี” พระอาจารย์สุทิน อายุวัฒโก วัดสะแก จังหวัดอยุธยา เป็นผู้สร้างถวาย ประมาณ 6,000เหรียญ

    ลูกศิษย์หลวงพ่อเชื่อกันว่า ใครมีเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ไว้บูชา หน้าที่การงานก็จะเจริญก้าวหน้า เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเอกราช รุ่น1 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญเอกราชรุ่น1 เนื้อโลหะรมดำ สร้างปี2518 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ส่วนด้านหลังจะมีอยู่ด้วยกัน2แบบ คือ…

    1. ด้านหลังเป็นรูปยันต์เกราะเพชร
    2. ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    สำหรับเหรียญที่ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร บางเหรียญเรายังมีการตอกโค๊ด “มะ อะ อุ” ไว้ที่ด้านหน้าด้วย แต่พบน้อยค่อนข้างหายากกว่า

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเอกราช รุ่น1 ตอกมะอะอุ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญเนื้อโลหะรมดำ สร้างเมื่อปี ๒๕๑๘ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ส่วนด้านหลังเป็นรูปยันต์เกราะเพชร เหรียญนี้ตอกโค๊ด “มะ อะ อุ” ไว้ที่ด้านหน้า ซึ่งจะหายากกว่าแบบธรรมดาที่ไม่ตอกโค๊ต

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเอกราช รุ่น2 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญเอกราช รุ่น2 นี้สร้างขึ้นในปี 2520 เพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 100 ปีเกิดของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ในปี 2518

    ลักษณะด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อปานวัดบางนมโค มีข้อความอยู่ด้านบนเขียนว่า “ครบรอบ 100 ปีเกิด หลวงพ่อปาน” และด้านล่างมีข้อความเขียนว่า “วัดบางนมโค”

    ด้านหลัง เป็นรูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้านบนเขียนว่า เอกราช 2518 ด้านล่างเขียนพระมหาวีระ ถาวโร ศิษย์หลวงพ่อปาน

    ซึ่งเหรียญรุ่น 2 นี้มีอยู่ 2แบบ คือ โลหะชุบทอง และ แบบโลหะรมดำ

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญเอกราช รุ่น3 (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    เหรียญเอกราช รุ่น3 จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 100ปีเกิดของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ในปี 2518

    ลักษณะด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มีข้อความอยู่ด้านบนเขียนว่า “ครบรอบ 100ปีเกิด หลวงพ่อปาน” และด้านล่างมีข้อความเขียนว่า “วัดบางนมโค”

    ด้านหลัง เป็นรูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้านบนเขียนว่า “เอกราช” ด้านล่างเขียน “พระมหาวีระ ถาวโร ศิษย์หลวงพ่อปาน”

    สำหรับรุ่นที่3 จะมีแต่เนื้อโลหะชุบทองเพียงอย่างเดียว

    Read more
  • ๒. พระเครื่อง พระยอดนิยม เหรียญ เหรียญ-โชว์

    เหรียญแผ่นยันต์พระพุทธ ทำน้ำมนต์ เนื้อเงิน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    สำหรับเหรียญแผ่นยันต์พระพุทธ ทำน้ำมนต์นั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทำพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2532 ที่วิหารแก้ว 100 เมตร ด้านหน้าตรงกลางจะเป็นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิ มีตัวหนังสือเขียนทางซ้ายคำว่า “วัดท่าซุง” ด้านขวาเขียนว่า “จ.อุทัยธานี” ด้านล่างเขียนว่า “พ.ศ. ๒๕๓๒” ส่วนด้านหลังเป็นยันต์พระสารีบุตร (หรือที่เราเรียกทั่วไปว่า ยันต์ทำน้ำมนต์) เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาด 1นิ้ว x 1นิ้ว

    ในแบบเหรียญพิมพ์พระพุทธนี้ มีสร้างออกมาด้วยกัน 3เนื้อ จำนวนการจัดสร้างคร่าวๆเท่าที่พอจะทราบ คือ
    1) เหรียญเนื้อทองคำ มีจำนวนประมาณ 4 เหรียญ
    2) เหรียญเนื้อนาก มีจำนวนประมาณ 20 เหรียญ
    3) เหรียญเนื้อเงิน มีจำนวนประมาณ 80 เหรียญ

    หลวงพ่ออธิบายว่า ” บูชาทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ หาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างท่านบอกทุกอย่าง วิชานี้โดยตรงผู้ให้คือพระสารีบุตร แต่ว่าการทำคือพระพุทธเจ้าทำ ”

    ” หลวงพ่อบอกเหรียญทำน้ำมนต์นี้ กันและแก้ได้ทุกอย่าง จะรักษาโรคอะไรสุดแท้แต่จะอธิฐาน ”

    วิธีการอาราธนาเหรียญทำน้ำมนต์

    ให้เอาเหรียญใส่ขัน ตั้งนะโม 3จบ แล้วสวด อิติปิโส ทั้ง 3ห้อง (อิติปิโส… สวากขาโต… สุปฏิปันโน…) อีก7จบ และปิดท้ายด้วย นะ มะ พะ ธะ (พร้อมทั้งกำหนดลมหายใจเข้า-ออกด้วยจะดีมาก) อีก 15จบ แล้วอธิษฐานตามความปรารถนา แต่จะมีผลเฉพาะผู้ที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่านั้น แล้วนำน้ำมนต์ไปประพรม อาบหรือดี่มกินได้

    ตอนพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อเล่าว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิ์สัตว์ พระอรหันต์พรหมและเทวดาทุกๆ พระองค์จะนั่งหลับตาเข้าสมาธิกันหมดโดยไม่ใช้พลังทั้งสิ้น… ต่างกับวัตถุมงคลอื่นๆ ทุกๆพระองค์จะใช้พลังแสงพุ่งออกจากกายที่สำคัญและพิเศษที่สุดคือ เหรียญทำน้ำมนต์ นี้ถือเป็นเหรียญเดียวที่สามารถคลายกฎแห่งกรรมได้ (ปกติกฎแห่งกรรม ไม่สามารถคลายหรือลดได้)

    เหรียญทำน้ำมนต์ถือว่าเป็นเหรียญที่ทำได้ยากมาก กว่าพระท่านจะทรงอนุญาติให้หลวงพ่อสร้างได้ เพราะครั้งแรกจะต้องใช้ทองคำเท่านั้น แต่หลวงพ่อขอพระท่านจนสำเร็จ

    เหรียญนี้พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ลุงพุฒ(ท่านพญายมราช)มาบอกหลวงพ่อ ให้บอกลูกหลานว่า ถ้ามีกำลังใจสูงกำลังใจเข้มข้นแล้ว ก็ไม่ต้องใช้เหรียญทำน้ำมนต์ ให้นึกถึงภาพยันต์น้ำมนต์(ที่อยู่ด้านหลังเหรียญ)ให้อยู่กลางกระหม่อม แล้วก็สวดภาวนาตามวิธีอาราธนาใช้เหรียญไปเรื่อยๆ จะค่อยๆคลายกฎของกรรมได้ ถ้าทำทุกวันต่อไปก็จะเหลือนิดเดียว

    *********************************************

    ถอดจากเทปพิธีพุทธาพิเษกเหรียญทำน้ำมนต์….

    “…เหรียญที่จะได้ไปนี้ทั้งหมด เหรียญชุบทองก็ดี เหรียญเงินก็ตาม เหรียญเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว แผ่นเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว เพราะว่าไม่ได้ทำเพื่อเช่า แต่พันเอกสถาพร เอามาถวาย ได้เงินเท่าไหร่ก็เขาเอาเข้าวัด ทั้งหมดนี้ทุกท่านนำไปบ้าน เอาไปบูชา แล้วก็ทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ มหาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างนะท่านบอกทุกอย่าง…”

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญใบโพธิ์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เนื้อชุบทอง

    พระรูปหล่อใบโพธิ์เนื้อชุบทอง เป็นรูปหลวงพ่ออยู่ในซุ้มกนก ด้านบนหลวงพ่อเป็นรูปพระพุทธและด้านล่างเป็นเทพพนม ส่วนด้านหลังตรงกลางเป็นยันต์เกราะเพชร ด้านบนเขียนว่า “พระราชพรหมยาน ๒๕๓๕ (ฤาษีลิงดำ)” และรอบยันต์ เขียนว่า “วัดจันทาราม (ท่าซุง) พระมหาวีระถาวโร อ.เมือง จ.อุทัยธานี” พุทธาภิเษกในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535

    จัดสร้างด้วยกัน3เนื้อ คือ
    1. เนื้อทองคำแท้
    2. เนื้อเงินแท้
    3. เนื้อโลหะชุบทอง

    ปล.สำหรับพระรุ่นนี้ในตลาดจะมีสร้างเลียนแบบกันมาก เลียนแบบกันทุกเนื้อ มีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อชุบทอง และหลักในการพิจารณาก็ค่อนข้างจะดูได้ยาก เรียกได้ว่าเป็นรุ่นปราบเซียนกันเลยที่เดียว ทำออกมาได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว จะเช่าหาบูขาต้องพึงพิจารณากันให้ดี ไม่งั้นเสียเงินฟรีแน่

    สำหรับองค์เนื้อชุบทอง จะมีทั้งที่เราเห็นรอยขดลวดพาดผ่านที่ด้านหลัง แต่บางองค์อาจจะไม่เห็นด้านหลัง จะไปเห็นที่ขอบเหรียญด้านข้างแทน ขึ้นอยู่กับการมัดผูกลวดตอนนำลงไปชุบทอง

    Read more
  • พระยอดนิยม เหรียญ

    เหรียญใบโพธิ์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เนื้อทองคำ

    พระรูปหล่อใบโพธิ์เนื้อทองคำ เป็นรูปหลวงพ่ออยู่ในซุ้มกนก ด้านบนหลวงพ่อเป็นรูปพระพุทธและด้านล่างเป็นเทพพนม ส่วนด้านหลังตรงกลางเป็นยันต์เกราะเพชร ด้านบนเขียนว่า “พระราชพรหมยาน ๒๕๓๕ (ฤาษีลิงดำ)” และรอบยันต์ เขียนว่า “วัดจันทาราม (ท่าซุง) พระมหาวีระถาวโร อ.เมือง จ.อุทัยธานี” พุทธาภิเษกในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 จัดสร้างประมาณ 100 องค์

    จัดสร้างด้วยกัน3เนื้อ คือ
    1. เนื้อทองคำแท้
    2. เนื้อเงินแท้
    3. เนื้อโลหะชุบทอง

    ปล.สำหรับพระรุ่นนี้ในตลาดจะมีสร้างเลียนแบบกันมาก เลียนแบบกันทุกเนื้อ มีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อชุบทอง และหลักในการพิจารณาก็ค่อนข้างจะดูได้ยาก เรียกได้ว่าเป็นรุ่นปราบเซียนกันเลยที่เดียว ทำออกมาได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว จะเช่าหาบูขาต้องพึงพิจารณากันให้ดี ไม่งั้นเสียเงินฟรีแน่

    สำหรับเนื้อทองคำ นอกจากพิจารณาที่พิมพ์พระและจุดดูหลายๆอย่างแล้ว น้ำหนักทองก็มีส่วนสำคัญในการพิจารณาประกอบด้วย

    Read more
  • พระยอดนิยม เหรียญ

    เหรียญใบโพธิ์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เนื้อเงิน

    พระรูปหล่อใบโพธิ์เนื้อเงิน เป็นรูปหลวงพ่ออยู่ในซุ้มกนก ด้านบนหลวงพ่อเป็นรูปพระพุทธและด้านล่างเป็นเทพพนม ส่วนด้านหลังตรงกลางเป็นยันต์เกราะเพชร ด้านบนเขียนว่า “พระราชพรหมยาน ๒๕๓๕ (ฤาษีลิงดำ)” และรอบยันต์ เขียนว่า “วัดจันทาราม (ท่าซุง) พระมหาวีระถาวโร อ.เมือง จ.อุทัยธานี” พุทธาภิเษกในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 จัดสร้างประมาณ 100 องค์

    จัดสร้างด้วยกัน3เนื้อ คือ
    1. เนื้อทองคำแท้
    2. เนื้อเงินแท้
    3. เนื้อโลหะชุบทอง

    ปล.สำหรับพระรุ่นนี้ในตลาดจะมีสร้างเลียนแบบกันมาก เลียนแบบกันทุกเนื้อ มีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อชุบทอง และหลักในการพิจารณาก็ค่อนข้างจะดูได้ยาก เรียกได้ว่าเป็นรุ่นปราบเซียนกันเลยที่เดียว ทำออกมาได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว จะเช่าหาบูขาต้องพึงพิจารณากันให้ดี ไม่งั้นเสียเงินฟรีแน่

    Read more
  • เหรียญ

    เหรียญไพรีพินาศ รุ่นแรก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    หลวงพ่อสร้างเป็นเหรียญหน้าเดียว เป็นรูปพระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้างประกายแก้ว มีข้อความด้านล่างว่า ไพรีพินาศ ส่วนมากเหรียญนี้จะนำไปเลี่ยมประกบกับผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ถือว่าเป็นเหรียญไพรีพินาศรุ่นแรก

    Read more
  • พระยอดนิยม เหรียญ

    แผ่นยันต์ทำน้ำมนต์ เนื้อเงิน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทำพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ วันที่ 17 ตุลาคม 2532 สร้างออกมาด้วยกัน 3เนื้อ คือ เนื้อทองคำ เนื้อนาค และเนื้อเงิน ลักษณะเป็นยันต์ทำน้ำมนต์ (ยันต์พระสารีบุตร) เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 2.5นิ้ว x 2.5นิ้ว

    หลวงพ่ออธิบายว่า ” บูชาทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ หาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างท่านบอกทุกอย่าง วิชานี้โดยตรงผู้ให้คือพระสารีบุตร แต่ว่าการทำคือพระพุทธเจ้าทำ ”

    ” หลวงพ่อบอกเหรียญทำน้ำมนต์นี้ กันและแก้ได้ทุกอย่าง จะรักษาโรคอะไรสุดแท้แต่จะอธิฐาน ”

    วิธีการอาราธนาเหรียญทำน้ำมนต์

    ให้เอาเหรียญใส่ขัน ตั้งนะโม 3จบ แล้วสวด อิติปิโส ทั้ง 3ห้อง (อิติปิโส… สวากขาโต… สุปฏิปันโน…) อีก7จบ และปิดท้ายด้วย นะ มะ พะ ธะ (พร้อมทั้งกำหนดลมหายใจเข้า-ออกด้วยจะดีมาก) อีก 15จบ แล้วอธิษฐานตามความปรารถนา แต่จะมีผลเฉพาะผู้ที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่านั้น แล้วนำน้ำมนต์ไปประพรม อาบหรือดี่มกินได้

    ตอนพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อเล่าว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิ์สัตว์ พระอรหันต์พรหมและเทวดาทุกๆ พระองค์จะนั่งหลับตาเข้าสมาธิกันหมดโดยไม่ใช้พลังทั้งสิ้น… ต่างกับวัตถุมงคลอื่นๆ ทุกๆพระองค์จะใช้พลังแสงพุ่งออกจากกายที่สำคัญและพิเศษที่สุดคือ เหรียญทำน้ำมนต์ นี้ถือเป็นเหรียญเดียวที่สามารถคลายกฎแห่งกรรมได้ (ปกติกฎแห่งกรรม ไม่สามารถคลายหรือลดได้)

    เหรียญทำน้ำมนต์ถือว่าเป็นเหรียญที่ทำได้ยากมาก กว่าพระท่านจะทรงอนุญาติให้หลวงพ่อสร้างได้ เพราะครั้งแรกจะต้องใช้ทองคำเท่านั้น แต่หลวงพ่อขอพระท่านจนสำเร็จ

    เหรียญนี้พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ ลุงพุฒ(ท่านพญายมราช)มาบอกหลวงพ่อ ให้บอกลูกหลานว่า ถ้ามีกำลังใจสูงกำลังใจเข้มข้นแล้ว ก็ไม่ต้องใช้เหรียญทำน้ำมนต์ ให้นึกถึงภาพยันต์น้ำมนต์(ที่อยู่ด้านหลังเหรียญ)ให้อยู่กลางกระหม่อม แล้วก็สวดภาวนาตามวิธีอาราธนาใช้เหรียญไปเรื่อยๆ จะค่อยๆคลายกฎของกรรมได้ ถ้าทำทุกวันต่อไปก็จะเหลือนิดเดียว

    **********************************************

    ถอดจากเทปพิธีพุทธาพิเษกเหรียญทำน้ำมนต์….

    “…เหรียญที่จะได้ไปนี้ทั้งหมด เหรียญชุบทองก็ดี เหรียญเงินก็ตาม เหรียญเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว แผ่นเงินก็เรียบร้อยไปแล้ว เพราะว่าไม่ได้ทำเพื่อเช่า แต่พันเอกสถาพร เอามาถวาย ได้เงินเท่าไหร่ก็เขาเอาเข้าวัด ทั้งหมดนี้ทุกท่านนำไปบ้าน เอาไปบูชา แล้วก็ทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ มหาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างนะท่านบอกทุกอย่าง…”

    *******************************************

    ยันต์ทำน้ำมนต์

    ๑๗ ตุลาคม ๒๔๓๒

    แผ่นทอง เงิน นาก

    แผ่นทอง เงิน หรือนาก ทั้งสามอย่างนี้เอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่พอจะมีทุนทำ เมื่อได้มาแล้วก่อนจะเขียนยันต์ ให้ชุมนุมเทวดาก่อน แล้วเขียนยันต์และอักขระลงบนแผ่นที่มี

    เมื่อเขียนยันต์ให้ว่าดังนี้

    ยันตังสันตัง วิกรึงคะเร

    เมื่อเขียนอักขระว่าดังนี้

    นะกาโร โหติสัมภะโว จงมาเกิดเป็น นะ อักขระตัวอื่นก็ว่าเหมือนกัน

    อธิบาย ขณะที่เขียนยันต์ หรืออักขระ ให้ใช้กำลังสมาธิให้เต็มอัตรา ยันต์นี้ต้องปลุกหรือเสกก่อน คำว่าปลุก คือใช้ภาวนาเป็นสมาธิเต็มกำลัง เสก หมายถึงคาถาเสก

    ปลุก

    ก่อนจะปลุก หรือเสก ให้อาราธนาพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยเจ้าทั้งหมด มีพระสารีบุตรเป็นประธาน เพราะยันต์และคาถาทำน้ำมนต์นี้ เป็นของพระสารีบุตร อัญเชิญเทวดาและพรหมทั้งหมด

    ถ้ามีทิพจักขุญาณ ควรเห็นท่านด้วย ถ้าไม่ได้ทิพจักขุญาณก็ใช้กำลังใจนึกถึงและเคารพท่าน หลังจากนั้นก็ภาวนาคาถาบทต้น คือ อิติปิโสฯ ทั้งหมด ให้มีสมาธิเต็มกำลัง ภาวนาไปจนจิตเป็นสุข

    ก่อนภาวนาลืมตาดูแผ่นยันต์ก่อนเมื่อจำภาพได้แล้ว ให้จิตนึกถึงภาพตลอดเวลาที่ภาวนา เมื่อได้ภาวนาเต็มกำลัง และอารมณ์ลดลง ให้เลิกบทที่ ๑ ได้

    คาถาบทที่ ๒

    คาถาบทที่ ๒ คือ “นะ มะ พะ ทะ” เมื่อพักผ่อนหายเหนื่อยดีแล้ว อารมณ์ทรงตัว ให้ใช้กำลังใจและเห็นภาพยันต์ตามเดิม ภาวนาคาถาบทที่ ๒ เหมือนบทก่อน

    หมายเหตุ การทำแบบนี้ ทำทุกวันหรือทุกคืนได้จะดีมาก เพราะเป็นกสิณด้วย เป็นพุทธาฯ ธัมมาฯ สังฆานุสสติด้วย ทำทุกวันจิตจะทรงสมาธิเป็นฌาน มีอานิสงส์ใหญ่

    เสก

    ท่านที่ไม่เคยเจริญกรรมฐาน จะใช้การเสกก็ได้ ท่านกำหนดไว้ดังนี้ ให้ใช้อารมณ์ใจเหมือนที่กล่าวมาแล้ว เสกด้วย อิติปิโสฯ ๑๐๘ จบ นะมะพะทะ ๑๐๘ จบ (เสกแผ่นยันต์)

    ทำน้ำมนต์

    เมื่อจะทำน้ำมนต์ ให้เอาแผ่นยันต์ใส่ก้นขัน ฯลฯ แล้วเอาน้ำใส่ หลังจากนั้นชุมนุมเทวดาเป็นต้นเหมือนที่กล่าวมาแล้ว ลืมตาดูแผ่นยันต์ให้จำได้ จำภาพน้ำด้วย หลังจากนั้นเสกด้วย อิติปิโสฯ ๗ จบ เสกด้วย นะมะพะทะ ๑๕ จบ เป็นเสร็จพิธี

    แผ่นยันต์ ต้องแช่ไว้ก้นขัน หรือก้นตุ่ม ตลอดเวลา น้ำมนต์นี้รักษาอะไรได้บ้างไม่ขออธิบาย สุดแล้วแต่จะอาราธนา จะมีผลเฉพาะผู้ที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่านั้น มีผลอย่างไรบ้างก็เป็นเรื่องของผู้ใช้น้ำมนต์ที่ไม่อธิบาย เพราะไม่ได้ขาย

    วันนี้ได้รับอนุญาตให้บอกต่อ ๆ ไปได้ ขออนุญาตทำเป็นเหรียญคล้องคอหรืออก ท่านไม่อนุญาตเพราะคนที่มีไว้กำลังใจเสมอกัน

    อธิบายเพิ่มเติมส่วนที่ไม่ได้บอกไว้

    เมื่อชักยันต์เสร็จแล้ว ส่วนที่ต้องเขียนก่อนอย่างอื่นคือ อุณาโลม อุณาโลมนี้ต้องเขียนวนไปทางซ้ายมือเหมือนเลข ๖ ไม่เหมือนที่อื่นเพราะตามที่พบมาเขียนวนไปทางขวาเหมือนเลข ๙ เวลาเขียนอุณาโลมว่าคาถาดังนี้ “อุณาโลมา ปนะชายะเต”

    ผู้ที่มีน้ำมนต์ไว้ ให้ใช้น้ำสะอาด หรือถ้าไม่แน่ใจสงสัยว่าน้ำจะสกปรก มีเชื้อโรค เอาน้ำมนต์ต้มให้เดือดแบบน้ำธรรมดาก็ได้ น้ำมนต์ไม่เสื่อม ใช้ดื่มคืนละ ๓ อึกก็พอ ถ้าคิดว่ามีโรคภายนอกแทรก ให้ผสมน้ำอาบหรือพรมให้คนอื่นก็ได้

    สมเด็จฯ ทรงอธิบายเพิ่มเติม เวลา ๐๔.๐๐ น. วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๒ ทรงตรัสว่า “แผ่นทอง เมื่อเขาทำสำเร็จรูปมาแล้ว ไม่ต้องเอามือลากเส้น ใช้ใจกำหนดลากเส้นและลงอักขระไปทีเดียวพร้อมกันทุกแผ่น ว่าดังนี้

    ยันตังสันตัง วิกรึงคะเร นะมะพะทะ , อุณาโลมาปนะชายะเต นะมะพะทะ , นะกาโร โหติสัมภะโว จงมาบังเกิดเป็นนะ นะมะพะทะ , โมกาโรโหติ สัมภะโว จงมาบังเกิดเป็นโม นะมะพะทะ ฯลฯ เมื่อเสร็จแล้วให้ปลุกด้วย อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด (อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๗ จบ) หลังจากนั้นลงมือเสกด้วยสมาธิ ทำทิพจักขุญาณให้แจ่มใสเต็มกำลัง จะมีผล มหาศาล อะไรก็ได้

    เวลา ๐๔.๕๐ น. ตรัสว่า ทำเป็นเหรียญทอง หรือนาก ห้อยคอ กันและแก้ทุกอย่าง ทำได้คราวละไม่เกิน ๑,๐๐๐ เหรียญ

    (พระสุธรรมยานเถระ)

    ๑๘ ตุลาคม ๒๔๓๒

    จากหนังสือ สมบัติพ่อให้ หน้าที่ ๑๕๔ โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    Read more
  • เหรียญ เหรียญ-โชว์

    แหนบรุ่นต่างๆ (รุ่น1-รุ่น5) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    แหนบที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสร้างและแจกให้กับลูกศิษย์ จะมีอยู่ด้วยกัน 5รุ่น โดยสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี20 และได้สร้างต่อๆมาเรื่อยๆ โดยด้านหน้าสร้างเป็นรูปหลวงพ่อ ด้านล่างเขียนตัวอักษรว่า “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง” มีทั้งที่เป็นแบบชุบกะไหล่ทองและชุบกะไหล่เงิน มีรุ่น5ที่เป็นแบบลงยา

    ด้านซ้ายขององค์หลวงพ่อ เขียนคำว่า “มะ”
    ส่วนอักษรขอมภายใต้อุนาโลมรัศมี มีคำว่า “อะ”
    ด้านขวาขององค์หลวงพ่อ เขียนคำว่า “อุ”

    อ่านรวมกันว่า มะอะอุ เป็นความแยบยลของหลวงพ่อที่ได้เมตตาสั่งสอนเราโดยนัย หากเราได้พิจารณาหาความหมายบนตัวแหนบดังนี้คือ……

    “มะ” ย่อ มาจาก มหาปุริสะ หรือ พระมหาบุรุษ ผู้เปี่ยมด้วยบารมีด้วยการการบำเพ็ญ 30 ทิศ มี ศีล เป็นพื้นฐาน มะ ในที่นี้ แทนความหมาย คือ ศีล อันเป็นบาทแรกแห่งการภาวนาทั้งปวง

    “อะ” ย่อมาจาก อาโลโก หรือ แสงสว่าง มีความหมายอันเกิดจากจิตที่เป็นสมาธิ เพราะสมาธิ ในขั้นต้นนั้น ต้องปรากฏแสงสว่าง อันเรียกว่า สี หรือ รัศมี ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากอำนาจ สมาธิ ดังนั้น อะ แทนความหมาย คือ สมาธิ อันเป็นบาทที่สอง ของการภาวนา

    “อุ” ย่อมาจาก อุตมปัญญา ก็หมายถึงปณิธาน สูงสุด ในพระพุทธศาสนา นั้นคือ ปัญญา ซึ่งปัญญาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นลักษณะพิเศษซึ่งไม่ปรากฏในหมู่ พระสาวกในคือพระสัพพัญญุุตญาณ ซึ่งเป็นคุณของพระพุทธเจ้า อันปรากฏแก่หมู่ชนด้วย ฉัพพรรณรังสี เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้น

    ดังนั้นอักขระ
    มะ คือ ศีล
    อะ คือ สมาธิ
    อุ คือ ปัญญา

    สรุปสุดท้ายหลวงพ่อก็เน้นสอนเราในเรื่องของ ศึล สมาธิ และปัญญา

    และวัตถุมงคลที่หลวงพ่อแจกส่วนใหญ่ ก็คือ แหนบรุ่นต่างๆ เหล่านี้ อานุภาพของแหนบส่วนใหญ่ จะเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันสรรพอันตรายทั้งปวง รวมทั้งนิวเคลียร์ ฝนเหลือง โชคลาภ เมตตามหานิยม และอธิษฐานขอพรอื่นๆได้ตามปรารถนา พุทธคุณครอบจักรวาล

    Read more